จังหวัดสงขลา เตรียมรับคนไทยที่ตกค้างในประเทศมาเลเซีย พร้อมตรวจเข้มทุกมาตรการการคัดครอง
วันที่ 18 เมษายน 2563 นี้ รัฐบาลไทยจะเปิดให้กลุ่มคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศที่มีด่านพรมแดนติดกับประเทศไทยกลับเข้าประเทศไทยอีกครั้ง สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มคนไทยจากสหพันธรัฐมาเลเซียจะเดินทางกลับผ่านทางด่านพรมแดนสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส, ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา, ด่านละ 100 คน และด่านเบตง จังหวัดยะลา ด่านตำมะลัง ด่านวังประจัน จังหวัดสตูล ด่านละ 50 คน
ในส่วนด่านพรมแดนสะเดา ทางจังหวัดสงขลาได้มีการเตรียมรองรับคนไทยกลุ่มนี้ โดยจะเปิดให้เดินทางเข้ามาตั้งแต่เวลา 08.00 – 12.00 น. ซึ่งที่บริเวณด่านศุลกากรได้มีการจัดเตรียมสถานที่แยกจากจุดเข้า ออกทั่วไป เพื่อทำการซักประวัติย้อนหลัง 7 วัน การตรวจหนังสือรับรองจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์และใบรับรองแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข สหพันธรัฐมาเลเซีย การตรวจคัดกรองตามหลักสาธารณสุข แล้วเข้าสู่ระบบพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะมีตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมสแกนอีกครั้ง
นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวถึงความพร้อมของจังหวัดสงขลาว่า ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าและซักซ้อมระบบทำงานหลังจากผ่านการคัดกรองคนที่มีอาการปกติจะส่งไปกักตัวในสถานกักกันอำเภอต่างๆตามภูมิลำเนา เช่นเดียวกลุ่มผู้ที่ภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดสตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งจะส่งไปกักตัวตามสถานกักกันตัวแต่ละจังหวัด ส่วนคนที่อยู่ต่างภูมิภาคและต้องเดินทางไกลจะเข้ารับการกักตัวที่ โรงแรมเอ็มโซโห (M SOHO) อำเภอสะเดา ก่อน 14 วันเพื่อสังเกตอาการ
นายแพทย์สุวัฒน์ วิริยพงศ์สุกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินาถ อำเภอนาทวี รักษาราชการ ผอ.รพ.สะเดา กล่าวว่า ทางด้านการแพทย์ได้เตรียมมาตรการการคัดกรองทุกขั้นตอนอย่างละเอียด หากพบผู้ที่มีอาการ หรือสงสัยก็จะนำตัวมาตรวจที่รพ.สะเดาทันที ซึ่งได้มีการจัดเตรียมชุดปฏิบัติการณ์ และทีมแพทย์พยาบาลไว้พร้อมแล้ว ส่วนผู้ถูกกักตัว ที่โรงแรม เอ็มซโห ได้มีการจัดทีมแพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล ดูแลเช่นกัน และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ได้อบรมพนักงานโรงแรมที่มีจิตอาสาในการทำงานร่วมกับทีมแพทย์ไว้ล่วงหน้า 2 อาทิตย์ ในวันนี้ (วันที่ 16 เมษายน 63 ) ได้มีการซักซ้อมเสมือนจริงทุกหน่วยงานทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน
นางสาวนันทภัค ภานุวัฒนกุล ผู้บริหารในเครือ VHM บอกว่าทางโรงแรมมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือบุคคลที่ประสงค์จะกักกันตัว และมั่นใจในระบบสาธารณสุข ทุกครั้งที่ผู้ถูกกักกันตัวออกจากที่พักจะมีระบบการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อจนมั่นใจในความปลอดภัย รวมทั้งพนักงานที่จิตอาสามาช่วยงานต้องได้รับการฝึกฝนในการป้องกันตนเองเช่นเดียวกับบุคลากรทางการแพทย์ ทุกมาตรการผู้ถูกกักตัวจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีวินัย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน