“แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2023” กิจกรรมเฟ้นหาสุดยอดเชฟจากทั่วประเทศสู่เวทีสากล

“แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2023” กิจกรรมเฟ้นหาสุดยอดเชฟจากทั่วประเทศสู่เวทีสากล
พร้อมผลักดันพลังซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยให้ไปไกลระดับโลก
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
โดยเชฟฟ้า ชนิดา คณาพิทักษ์พงศ์ ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้ลงแข่งขันในเวทีแม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2023 และเส้นทางที่จะก้าวต่อไปในอนาคตว่า “อยากเจริญรอยตามรุ่นพี่ที่ผ่านเวทีการแข่งขันแม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ในปีก่อนๆ และปัจจุบันเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง เปิดร้านที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก โดยการได้รับรางวัลในครั้งนี้จะช่วยสร้างชื่อเสียง ต่อยอดทางธุรกิจ และมีโอกาสได้ไปแข่งขันในเวทีระดับโลก”
![]() |
![]() |
ด้านนายโชติพัฒน์ เทวฤทธิ์ กล่าวถึงความสำเร็จในเวทีนี้ว่า “ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาจารย์สนับสนุนให้เข้าแข่งขันทุกรายการ เพราะช่วยให้เราพัฒนาขึ้น ได้เรียนรู้ประสบการณ์และเทคนิคใหม่ๆ ในการทำอาหารที่ได้มากกว่าในห้องเรียน เป็นสนามแข่งขันที่ทำให้เราได้เรียนลัดขั้นตอน เทคนิคการทำอาหารอย่างมืออาชีพ รวมทั้งโอกาสได้เข้าแข่งขันในเวทีระดับโลก ที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของเราได้ในอนาคต”
![]() |
![]() |
“แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์” เป็นอีกหนึ่งเวทีการแข่งขันที่พร้อมสนับสนุน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการเดินในเส้นทางสายอาชีพเชฟในอนาคต ที่ไม่เพียงแต่จะต่อยอดองค์ความรู้ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหารของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจร้านอาหารของไทยมีโอกาสสร้างชื่อเสียง และเติบโตได้ในเวทีระดับโลกอีกด้วย
ติดตามข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ของแม็คโคร ผ่านช่องทาง ดังนี้
-เว็บไซต์ https://www.cpaxtra.com/th/home
-เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/cpaxtrathailand
-ติ๊กต็อก https://www.tiktok.com/@makrothailand
–ลิงค์อิน https://www.linkedin.com/company/cp-axtra-public-company-limited/
โรงแรมลากูน่าแกรนด์โฮเทลแอนด์สปา ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ Agenda Thank You Party Cocktail Dinner

โรงแรมลากูน่าแกรนด์โฮเทลแอนด์สปา ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ Agenda Thank You Party Cocktail Dinner
![]() |
![]() |
วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุม KING Grand Ballroom ชั้น 2 โรงแรมลากูน่าแกรนด์โฮเทลแอนด์สปา ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ Agenda Thank You Party Cocktail Dinner ขึ้นโดยมีสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง ภายในงานได้มีการแสดง โนราคน ดนตรี อาหาร เครื่องดื่ม พร้อมการต้อนรับจากโรงแรม ซึ่งจัดงานนี้เพื่อพบปะสังสรรค์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ และสื่อมวลชน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ฯ

โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร
![]() |
![]() |
วันนี้ (1 ธันวาคม 2566) ที่บริเวณโรงคลุมใหญ่ ท่าเทียบเรือประมงสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา สมาคมประมงสงขลา จัดโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8) โดยมีนายเศวต เพชรนุ้ย ปลัดจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร พร้อมด้วย นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา นายสุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมงสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการประมง และนักเรียนเข้าร่วมพิธี
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ มีพิธีทำบุญ 2 ศาสนา ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และมอบทุนการศึกษา โดย ปตท.สผ.อีดี โครงการ G2/61 บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด จำนวน 33 ทุน ให้กับบุตรหลานชาวประมงที่เรียนดี แต่ขาดทุนทรัพย์ นอกจากนี้ได้ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจำนวนกว่า 20 ล้านตัว
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
รัฐบาลประกาศวาระแห่งชาติ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ


ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน 2566

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน 2566
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน 2566 เปรียบเทียบเดือนตุลาคม 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | ตุลาคม 2566 | พฤศจิกายน 2566 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 28.70 | 47.70 | 23.60 | 28.90 | 47.90 | 23.20 | 37.10 | 48.50 | 14.40 |
2. รายได้จากการทำงาน | 27.60 | 45.80 | 26.60 | 27.80 | 45.70 | 26.50 | 34.20 | 45.60 | 20.20 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 31.20 | 47.90 | 20.90 | 31.50 | 46.60 | 21.90 | 34.50 | 49.30 | 16.20 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 28.90 | 45.20 | 25.90 | 29.20 | 45.60 | 25.20 | 34.10 | 55.80 | 10.10 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.60 | 47.80 | 24.60 | 27.80 | 47.50 | 24.70 | 35.40 | 48.30 | 16.30 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 25.60 | 46.80 | 27.60 | 25.80 | 46.90 | 27.30 | 37.40 | 47.60 | 15.00 |
7. การออมเงิน | 26.50 | 45.60 | 27.90 | 26.80 | 45.60 | 27.60 | 37.50 | 41.20 | 21.30 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 27.90 | 46.70 | 25.40 | 27.70 | 46.20 | 26.10 | 34.50 | 51.30 | 14.20 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 27.90 | 48.50 | 23.60 | 27.80 | 48.80 | 23.40 | 36.80 | 49.20 | 14.00 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 27.20 | 46.80 | 26.00 | 27.00 | 46.10 | 26.90 | 35.60 | 45.80 | 18.60 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 25.10 | 46.50 | 28.40 | 25.20 | 45.50 | 29.30 | 39.60 | 49.80 | 10.60 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.30 | 45.70 | 27.00 | 27.10 | 45.30 | 27.60 | 32.40 | 50.10 | 17.50 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 28.80 | 48.20 | 23.00 | 28.90 | 48.50 | 22.60 | 34.10 | 55.80 | 10.10 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน 2566
รายการข้อคำถาม | 2566 | ||
กันยายน | ตุลาคม | พฤศจิกายน | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 48.90 | 49.50 | 49.70 |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.10 | 43.40 | 43.80 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 59.10 | 59.30 | 59.50 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 48.50 | 49.90 | 50.20 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.40 | 50.60 | 50.70 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.20 | 42.80 | 43.00 |
7. การออมเงิน | 40.70 | 41.00 | 41.10 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.50 | 39.50 | 39.40 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 47.90 | 48.10 | 48.20 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.30 | 44.40 | 44.30 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 40.20 | 39.60 | 39.40 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.90 | 35.90 | 35.60 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 39.60 | 39.80 | 40.90 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 45.10 | 45.50 | 45.80 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนพฤศจิกายน (45.80) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบกับตุลาคม (45.50) และเดือนกันยายน (45.10) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การลดลงของหนี้สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ มาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินและดีเซล มาตรการพักหนี้เกษตรกร การควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ โดยเฉพาะการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายได้ นอกจากนี้ธุรกิจที่ให้บริการทางด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อาทิ ธุรกิจที่พักแรม ธุรกิจอาหาร ธุรกิจให้บริการขนส่ง ฯลฯ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก อย่างไรก็ตาม นโยบายภาครัฐเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรง ย่อมส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้นตาม โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กต่าง ๆ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานที่รับค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก หากธุรกิจเหล่านี้มีต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น ย่อมส่งผลทำให้ต้องปรับราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้น อันจะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าภาครัฐจะมีนโยบายปรับค่าแรงแบบทยอยปรับขึ้นก็ตาม แต่ราคาสินค้าและบริการก็จะปรับขึ้นตามค่าแรงที่มีการปรับขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้
- ประชาชนที่เป็นพนักงานเอกชนมองว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเริ่มทยอยปรับขึ้นตามไปด้วย และหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีก ย่อมส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยการปรับขึ้นค่าแรงทุกครั้ง ราคาสินค้าและบริการก็จะปรับขึ้นตามเช่นกัน ทั้งนี้ ประชาชนที่เป็นพนักงานเอกชนจำนวนมากที่จบปริญญาตรีและมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 12,000 บาท และไม่ได้ปรับรายได้เหมือนข้าราชการ แต่พนักงานเอกชนกลุ่มนี้ต้องรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการของภาครัฐ จึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรคำนึงถึงกลุ่มพนักงานเอกชน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่จบปริญญาตรีแต่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 12,000 บาท แต่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายภาครัฐ ดังนั้น ภาครัฐจึงควรมีมาตรการช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
- ถึงแม้ว่าประชาชนจะมีการออกมาจับจ่ายใช้สอย และเดินชมเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น แต่จำนวนเงินที่ซื้อสินค้าของประชาชนน้อยลง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังมีภาระหนี้สิน และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทำให้ประชาชนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ดังนั้น ถึงแม้ว่าในงานแสดงสินค้าต่าง ๆ จะมีจำนวนคนมากขึ้น แต่การใช้จ่ายของประชาชนกลับน้อยลง ซึ่งประชาชนกลุ่มเหล่านี้ต่างเฝ้ารอเงินดิจิทัล 10,000 บาทจากภาครัฐ โดยคาดหวังว่านโยบายนี้จะเกิดขึ้นจริง “ไม่ใช่หลอกให้อยากแล้วจากไป”
- ประชาชนส่วนหนึ่งมีความพึงพอใจต่อมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ ลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่ผ่านมา แต่ประชาชนยังมีความกังวลว่า มาตรการต่าง ๆ จะมีความต่อเนื่องและยั่งยืนได้มากน้อยเพียงใด จึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรมีนโยบายช่วยหลือค่าครองชีพและลดค่าใช้จ่ายของประชาชนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยนโยบายดังกล่าวควรเป็นการช่วยเหลือประชาชนแบบถ้วนหน้า และเป็นนโยบายที่ไม่ก่อให้เกิดการคอร์รัปชัน
- ภาคใต้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม จึงมีฝนตกหนัก และเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายทั้งในพื้นที่การเกษตร และส่งผลกระทบต่อร้านค้ากลางแจ้ง หาบเร่ แผงลอย ฯลฯ จึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรมีมาตรกรป้องกันและช่วยเหลือที่เร่งด่วน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการร่วมกันในการช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 37.10 และ 34.20 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 34.50 และ 34.10 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 35.40, 32.40 และ 34.10 ตามลำดับ
ฟังเสียงเด็กใต้ เอาพรือ! บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่

ฟังเสียงเด็กใต้ เอาพรือ! บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่
สสส. สานพลัง ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว มหาวิทยาลัยทักษิณ จัดเวทีวิชาการเชิงปฏิบัติการป้องกันเด็กไทยไม่ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ไฟฟ้า PROTECT NEW GEN ภายใต้แนวคิด “เอาพรือ! ” บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่ พร้อมร่วมสร้างสรรค์ไอเดียของคนรุ่นใหม่ร่วมลดปัจจัยเสี่ยง
วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว (สื่อยกกำลังสุข) ภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยทักษิณ จัดเวทีวิชาการเชิงปฏิบัติการป้องกันเด็กไทยไม่ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนสานเสริมพลังภาคีเพื่อร่วมรังสรรค์นวัตกรรมป้องกันปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อ Kick off การทำงานร่วมกันระหว่างภาคีในพื้นที่ภาคใต้
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการ สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาที่มีความสำคัญมากในปัจจุบันโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ยังมีความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าไม่ถูกต้องโดยคิดว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อระบบหายใจ ส่งผลให้ปอดอักเสบ และโรคอื่นๆ ตามมา บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นประตูนำไปสู่การสูบบุหรี่มวน และสารเสพติดอื่น การเลิกบุหรี่มีความยากกว่ายาเสพติดชนิดอื่นๆ อย่างมาก จะทำอย่างไรที่จะให้เยาวชนเกิดการรู้เท่าทันและเกิดการตระหนักรู้ถึงปัญหาและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า เวทีการพูดคุยแลกเปลี่ยนในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งในข้อเสนอแนะของทางออกปัญหาเพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่
นายฮาริส มาศชาย ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์สื่อฯ ได้กล่าวว่า วงคุยครั้งนี้ ถือเป็นเวทีวิชาการเชิงปฏิบัติการ เพื่อป้องกันเด็กไทยไม่ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อประชุมระดมไอเดียของคณะทำงานร่วมกับภาคี ออกแบบกิจกรรมและรูปแบบการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการ พร้อมวิเคราะห์สถานการณ์ที่เชื่อมกับปัญหาวิกฤตและสถานการณ์ในปัจจุบันของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อการออกแบบกลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนภาคใต้ ภายในกิจกรรมมีการพูดคุยช่วงเปิดใจคุย “ทำพรือดี..คำถามที่ค้างคาใจ”ของบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเปิดประเด็น insight โลกของ GenZ โดยนายกิตตินันท์ สหวงศ์ตระกูล และ นายอัสลัม อาลีมิง และการเล่าถึง Timeline ใบจาก มวนบุหรี่ บารากู่ สู่บุหรี่ไฟฟ้า สถานการณ์ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ โดย นพ.มัซลัน ตะเระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธารโต อินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ การนำเสนอแนวทางการออกแบบการเรียนรู้อย่างไรให้โดนใจ GenZ โดย ผศ.ดร.พรไทย ศิริสาธิตกิจ ที่ปรึกษาโครงการฯ
นายฮาริส ได้มีการฉายภาพฉากทัศน์ข้อมูลการทำโฟกัสกรุ๊ป ถึงเสียงของเยาวชนกับบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ ถึงข้อมูลความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเยาวชน พบว่า เยาวชนส่วนใหญ่มีความรู้และเข้าใจถึงโทษและพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า แต่ยังขาดการตระหนักและการยับยั้งชั่งใจน้อยลง มีความตึงเครียด ค่านิยมแฟชั่นของสังคมเพื่อน และความตื่นตัวที่ลดลง ซึ่งผลจากความยับยั้งชั่งใจที่ลดลงส่งผลให้มีแนวโน้มการตัดสินในการเลือกใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเพศหญิงที่กำลังรุนแรงเพิ่มขึ้น พร้อมนำเสนอแนวทางในการร่วมหาทางออกจากปัญหาผ่านการเพิ่มทักษะการรู้เท่าทัน ลดการเข้าถึงช่องทางของบุหรี่ไฟฟ้าที่ง่าย การพัฒนาหลักสูตรหรือเนื้อหาในสถานศึกษา และการเพิ่มมาตราการของกฎหมายและระเบียบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ผ่านการร่วมโหวตแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างภาคี
ในกิจกรรมครั้งนี้ ผศ.ดร.สิรยา สิทธิสาร รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตและพันธกิจสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการขับเคลื่อนสานเสริมพลังภาคีเพื่อร่วมรังสรรค์นวัตกรรมป้องกันปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ระหว่าง สสส. ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็กเยาวชนและครอบครัว และมหาวิทยาลัยทักษิณ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนสานเสริมพลังภาคีและร่วมรังสรรค์นวัตกรรมป้องกันปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีแผนในการขับเคลื่อนมุ่งสู่การสร้างให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ พื้นที่การสื่อสาร และพื้นที่สร้างสรรค์ ผ่านการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เกิดแกนนำ “นวัตกรสังคม” เพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ พร้อมบูรณาการกิจกรรม การวิจัย และวิชาการเพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ Health Literacy ที่สามารถเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่สังคมและร่วมพัฒนาเนื้อหา และเป็นศูนย์บ่มเพาะ “นวัตกรสังคม” เพื่อพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านปัจจัยเสี่ยง เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงจากการบริโภคสุรา ยาสูบ หรือสาร หรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพและการจัดระบบและสวัสดิการในมหาวิทยาลัยให้เกิดเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบของการควบคุมปัจจัยเสี่ยง สู่คุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีแก่นิสิต และบุคลากรในมหาวิทยาลัย
การฟังเสียงเด็กใต้ เอาพรือ! บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่ ถือเป็นการร่วมกันหาทางออกสู่การแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ที่เริ่มต้นจากการฟังเสียงของเยาวชนที่มีความหลากหลาย ทั้งช่วงวัยและเพศ พร้อมภาคีที่เกี่ยวข้อง อาทิ คุณเนตรทราย คงอนุวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล คุณภูวสิษฏ์ สุกใส บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้โฟกัส ในฐานะสื่อมวลชนที่เข้าไปมีบทบาทเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัดสงขลา ร.ต.หญิงดารารัตน์ ไชยมนตรี นักพัฒนาสังคมบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดกระบี่ เป็นต้น
“เอาพรือ! ” บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อสกัดนักสูบหน้าใหม่ จึงเป็นการเปิดโอกาสและพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นและการรับฟังเพื่อร่วมออกแบบการทำงานในการสร้างสรรค์ไอเดียของคนรุ่นใหม่ร่วมลดปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ภาคใต้
อาจารย์เกษตร มรภ.สงขลา วิทยากร “เปรียบเทียบการเชือดแพะตามหลักสากลกับหลักศาสนาอิสลามฯ”

อาจารย์เกษตร มรภ.สงขลา วิทยากร “เปรียบเทียบการเชือดแพะตามหลักสากลกับหลักศาสนาอิสลามฯ”
ถ่ายทอดความรู้ผู้ประกอบการภาคใต้ตอนล่าง ต่อยอดสู่โมเดลโรงแปรสภาพระดับชุมชน
อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร มรภ.สงขลา รับหน้าที่วิทยากรบรรยายหัวข้อ “เปรียบเทียบการเชือดแพะตามหลักสากลกับหลักศาสนาอิสลาม และปฏิบัติการแปรสภาพแพะมีชีวิตเป็นซากและการตัดแต่งซากแพะแบบสากล” ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รองรับความต้องการของพื้นที่ จัดหาแพะคุณภาพดีแปรสภาพสู่ผู้บริโภค พร้อมเป็นโมเดลสร้างโรงแปรสภาพระดับชุมชน
![]() |
![]() |
![]() |
อ.สันติ หมัดหมัน อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ได้รับคำเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “เปรียบเทียบการเชือดแพะตามหลักสากลกับหลักศาสนาอิสลาม และปฏิบัติการแปรสภาพแพะมีชีวิตเป็นซากและการตัดแต่งซากแพะแบบสากล” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2566 ณ อาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เนื้อสัตว์ฮาลาล สถานีวิจัยคลองหอยโข่ง คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี รศ.ดร.ไชยวรรณ วัฒนจันทร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหัวหน้าโครงการพัฒนาโรงฆ่าแพะฮาลาลต้นแบบ เพื่อส่งเสริมการผลิตเนื้อแพะคุณภาพดี (ปีที่ 2) หลักสูตรการแปรสภาพและมีชีวิตแบบฮาลาลและการตัดแต่งซากแพคแบบสากล
![]() |
![]() |
![]() |
วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในเรื่องการผลิตเนื้อแพะคุณภาพดีให้แก่ ผู้ประกอบการและผู้สนใจในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ผ่านกระบวนการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ และเพื่อสนับสนุนการผลิตเนื้อแพะคุณภาพดีและมีมาตรฐานฮาลาล รองรับความต้องการของพื้นที่ผ่านกระบวนการให้ความรู้และจัดหาแพะคุณภาพดีเพื่อแปรสภาพสู่ผู้บริโภค และเป็นโมเดลตัวอย่างสำหรับการสร้างโรงแปรสภาพระดับชุมชนของภาคใต้ตอนล่าง
![]() |
![]() |
![]() |
โอกาสนี้ อาจารย์ทวีศักดิ์ ทองไฝ อาจารย์ประจำหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ และ ว่าที่ ร.ต.หญิง อังคณา ไชยหนู นักวิชาการสัตวบาล คณะเทคโนโลยีการเกษตร มรภ.สงขลา ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
![]() |
![]() ![]() |
มรภ.สงขลา เปิดบ้านต้อนรับ “MSU” มาเลเซียหารือความร่วมมือแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมทางอาหาร

มรภ.สงขลา เปิดบ้านต้อนรับ “MSU” มาเลเซียหารือความร่วมมือแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมทางอาหาร
มรภ.สงขลา เปิดบ้านต้อนรับอาจารย์และนักศึกษาจาก Management & Science University (MSU) ประเทศมาเลเซีย หารือความร่วมมือและศึกษาดูงานสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมทางอาหาร เตรียมหาแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 อาจารย์และนักศึกษาจาก Management & Science University (MSU) ประเทศมาเลเซีย จำนวน 34 คน เข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือและศึกษาดูงาน ณ ห้องประชุมวิชัย รัตนากีรณวร ชั้น 2 อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) โดยมี ผศ.ขวัญกมล ขุนพิทักษ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจารย์ ดร. นิสิตา ฤทธาภิรมย์ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้การต้อนรับคณะผู้มาเยือน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ในการนี้ ผศ.ดร.สุรีย์พร กังสนันท์ ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ (อาหารและโภชนาการ) มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และตัวแทนจาก Management & Science University ได้นำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมทางอาหารที่มีความหลากหลายของแต่ละพื้นที่ และร่วมหารือเกี่ยวกับแนวทางการทำความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนการแสดงทางด้านวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมมาเลเซีย ซึ่งจะต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไป
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
นอกจากนั้น คณะผู้มาเยือนยังได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ณ อาคารปฏิบัติการคหกรรม โดยมีบุคลากรของงานศูนย์ความเป็นเลิศด้านภาษา สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มรภ.สงขลา เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือและศึกษาดูงาน ดังกล่าว
METI ผนึก กฟผ. และ 3 บริษัทชั้นนำญี่ปุ่น Kick Off ‘ศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดฯ บนพื้นที่ศักยภาพ กฟผ.’

METI ผนึก กฟผ. และ 3 บริษัทชั้นนำญี่ปุ่น Kick Off ‘ศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดฯ บนพื้นที่ศักยภาพ กฟผ.’
METI มอบทุนให้ กฟผ. และบริษัทชั้นนำญี่ปุ่น CYD – MOL – MCT เดินหน้า ‘ศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดฯ บนพื้นที่ศักยภาพ กฟผ.’ เพิ่มเสถียรภาพผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ร่วมขับเคลื่อนและยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ลด CO2 ขับเคลื่อนสู่พลังงานสีเขียวเต็มรูปแบบ
วานนี้ (27 พฤศจิกายน 2566) นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รักษาการผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายยาสุฮิโระ อิโนอุเอะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจไฮโดรเจน บริษัท ชิโยดะ คอร์ปอเรชั่น (CYD) นายเรียวสุเกะ สุกิโมโต้ ผู้แทนใหญ่ประจำประเทศไทยบริษัท มิตซุย โอ.เอส.เค ไลน์ จำกัด (MOL) และนายฮิโรยาสุ ซาโต้ ประธานบริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด (MCT) ร่วมพิธีเริ่มต้นศึกษาความเป็นไปได้ของห่วงโซ่คุณค่าไฮโดรเจนสะอาดของ กฟผ. ซึ่งดำเนินการภายใต้ MOU โครงการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดจากพลังงานหมุนเวียนบนพื้นที่ศักยภาพในภาคใต้ของ กฟผ. ที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) มอบทุนให้ กฟผ. และ 3 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นร่วมศึกษาและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ พร้อมประชุมเริ่มต้นโครงการร่วมกัน โดยมีขอบเขตความร่วมมือศึกษาการขยายโอกาสทางธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงศึกษาโครงสร้างพื้นฐานด้านห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การจัดเก็บ และการประมาณต้นทุนเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาด ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี
![]() |
![]() |
นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าตลาดไฮโดรเจนเป็นทั้งตลาดอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และสร้างงานของโลก รวมถึงยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 ความร่วมมือนี้จึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและไทยที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้กว่า 150 ล้านล้านเยนสำหรับการวิจัยและสำรวจศักยภาพเชิงพาณิชย์ของพลังงานไฮโดรเจน ด้วยความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะเป็นตัวเร่งและเตรียมพร้อมในการสร้างห่วงโซ่คุณค่าไฮโดรเจนทั้งในภูมิภาคอาเซียนและระดับโลกต่อไปในทศวรรษหน้า
![]() |
![]() |
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ประเทศไทยในฐานะสมาชิกของประชาคมโลกและเอเชียมีความมุ่งมั่นเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งไทยโดยกระทรวงพลังงานพร้อมเดินหน้าส่งเสริมลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานทุกวิถีทาง การศึกษาความเป็นไปได้ของห่วงโซ่คุณค่าไฮโดรเจนสะอาดของ กฟผ. ด้วยการสนับสนุนจาก METI ที่คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี 2567 จะมีส่วนช่วยผลักดันแผนการพัฒนาไฮโดรเจน ซึ่งนอกจากจะทำให้เป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำเร็จแล้ว ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเกิดความยืดหยุ่นด้านพลังงานเป็นผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว
![]() |
![]() |
ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รักษาการผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยและเป็นแนวหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนของประเทศมาโดยตลอด ได้นำไฮโดรเจนเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาด เปิดมิติใหม่ในการยกระดับมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย EGAT Carbon Neutrality โดยทุนสนับสนุนนี้จะช่วยพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานบนพื้นที่ศักยภาพที่พร้อมรองรับการพัฒนาของ กฟผ. ด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เพื่อร่วมสร้างความแข็งแกร่งด้านพลังงานที่ยั่งยืนซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
—————————-
มรภ.สงขลา จัดพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินทางน้ำ

มรภ.สงขลา จัดพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินทางน้ำ ทอดถวาย ณ วัดแหลมพ้อ ต.เกาะยอ
มรภ.สงขลา จัดพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานทางน้ำ นำไปทอดถวาย ณ วัดแหลมพ้อ ต.เกาะยอ สืบสานประเพณีอันดีงาม เดินหน้าพัฒนาเมืองสงขลาสู่มรดกโลก
![]() |
![]() |
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐินแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) สำหรับนำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดแหลมพ้อ ตำบลเกาะยอ อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยมี รศ.ดร.ทัศนา ศิริโชติ อธิการบดี มรภ.สงขลา เป็นประธานประกอบพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน วัตถุประสงค์เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ทั้งยังสอดคล้องกับการพัฒนาเมืองสงขลาสู่มรดกโลก
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ทั้งนี้ มรภ.สงขลา ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานทางน้ำ ขบวนเรือออกจากท่าเรือภายในสวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เดินทางเข้าเทียบท่าเรือวัดแหลมพ้อ เพื่อทำพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 มรภ.สงขลา ได้จัดพิธีสมโภชผ้าพระกฐินพระราชทานณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติฯ มรภ.สงขลา และบันทึกเทปโทรทัศน์รายการระเบียงใต้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา (NBT) เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดังกล่าว
สามารถรับชมคลิปวิดีโอพิธีสมโภชและพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ได้ที่ youtube : https://www.youtube.com/watch?v=vJapXX13y7w facebook : https://fb.watch/oBmHUKegHM/
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป ที่เข้าร่วมอุปสมบท ได้ร่วมกันบำเพ็ญปฏิบัติถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-15 ธันวาคม 2559 ณ วัดมหัตตมังคลลราม (วัดหาดใหญ่ใน) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
โดยในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 น. มีพิธีบวชนาค และในวันที่ 1 ธันวาคม 2559 เวลา 13.00 น.มีพิธีอุปสมบท
