ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม 2567
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม 2567 เปรียบเทียบเดือนเมษายน 2567 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการ | เมษายน 2567 | พฤษภาคม 2567 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 29.40 | 47.20 | 23.40 | 29.30 | 46.10 | 24.60 | 36.80 | 50.20 | 13.00 |
2. รายได้จากการทำงาน | 27.50 | 46.90 | 25.60 | 27.20 | 46.50 | 26.30 | 39.50 | 44.40 | 16.10 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 32.10 | 47.40 | 20.50 | 32.30 | 46.90 | 20.80 | 35.20 | 47.90 | 16.90 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 29.90 | 46.20 | 23.90 | 29.50 | 45.40 | 25.10 | 34.80 | 45.90 | 19.30 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.60 | 47.50 | 24.90 | 27.40 | 47.40 | 25.20 | 35.30 | 46.20 | 18.50 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 28.60 | 47.50 | 23.90 | 28.20 | 47.10 | 24.70 | 33.60 | 46.20 | 20.20 |
7. การออมเงิน | 27.00 | 45.10 | 27.90 | 26.50 | 46.10 | 27.40 | 34.50 | 45.10 | 20.40 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 27.20 | 45.20 | 27.60 | 27.60 | 45.30 | 27.10 | 31.40 | 47.30 | 21.30 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 27.30 | 46.40 | 26.30 | 27.10 | 46.20 | 26.70 | 37.90 | 49.30 | 12.80 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.20 | 45.10 | 28.70 | 26.80 | 45.20 | 28.00 | 33.70 | 50.40 | 15.90 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 24.30 | 45.50 | 30.20 | 24.60 | 45.90 | 29.30 | 35.70 | 45.90 | 18.40 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 26.10 | 46.20 | 27.70 | 26.20 | 45.20 | 28.60 | 39.30 | 45.20 | 15.50 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 28.30 | 47.40 | 24.30 | 28.10 | 46.60 | 25.30 | 38.90 | 44.80 | 16.30 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม 2567
รายการ | 2567 | ||
มีนาคม | เมษายน | พฤษภาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 49.80 | 50.50 | 49.40 |
2. รายได้จากการทำงาน | 44.10 | 44.60 | 43.90 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 60.10 | 60.70 | 60.70 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 50.30 | 52.10 | 49.50 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.70 | 51.80 | 50.30 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 43.40 | 44.00 | 43.30 |
7. การออมเงิน | 41.20 | 41.90 | 41.10 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.10 | 39.00 | 39.00 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 47.90 | 47.40 | 47.20 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.00 | 43.60 | 43.80 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 38.50 | 38.20 | 38.60 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.10 | 35.10 | 35.00 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 40.80 | 41.60 | 41.10 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 45.70 | 47.50 | 44.90 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม 2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนพฤษภาคม (44.90) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน (47.50) และเดือนมีนาคม (45.70) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนต้องปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย โดยประชาชนส่วนหนึ่งเลือกใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและมีราคาถูก เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้เหมาะสมกับรายได้ ส่งผลทำให้การบริโภคในประเทศชะลอตัว ทั้งนี้เพราะประชาชนที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อจำกัด เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ของประชาชนน้อยกว่าค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ประชาชนที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปส่วนหนึ่งที่ไม่มีภาระหนี้สินก็ยังลดการใช้จ่ายลงเช่นกัน เนื่องจากมองว่าค่าครองชีพในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศยังมีความไม่แน่นอน จึงเก็บออมเงินไว้ เพื่อใช้จ่ายในยามที่จำเป็น ทั้งนี้ ภาครัฐควรออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
ปัจจุบันโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยประชากรที่เป็นผู้สูงอายุเริ่มมีจำนวนที่มากขึ้น ในขณะที่ประชากรที่เป็นวัยแรงงานมีจำนวนน้อยลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรที่เกิดขึ้น ทำให้ภาระในการหารายได้ในครอบครัวไปตกอยู่กับวัยแรงงานที่มีจำนวนน้อยลง ส่งผลต่อรายได้ที่อาจจะไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัว นอกจากนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มุ่งเน้นเกษตรกรรม หากแต่แรงงานในภาคการเกษตรจำนวนมากมีรายได้น้อย โดยมีรายได้เฉลี่ยเพียง 6,975 บาทต่อเดือน ซึ่งนับว่าเป็นรายได้ที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเป็นความท้าทายเร่งด่วนที่ภาครัฐต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้
- 1. ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการต่าง ๆ ทยอยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ประชาชนจึงต้องการให้ภาครัฐควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการที่จำเป็น รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศให้มากขึ้น โดยต้องการให้ภาครัฐออกโครงการเพื่อช่วยลดค่าครองชีพและกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น
- 2. ประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและความคุ่มค่าของโครงการภาครัฐที่กำลังดำเนินการ ซึ่งเริ่มมีการเบิกจ่ายโครงการงบประมาณแผ่นดิน ปี พ.ศ. 2567 เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ถนน และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งประชาชนมองว่าเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมถึงสุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่น อาทิ การใช้งบประมาณในการรื้อถนนสายเอเชีย และถนนอีกหลายแห่งที่มีสภาพดี เพื่อทำถนนใหม่ ซึ่งนอกจากใช้เงินงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่าแล้ว ยังทำให้การจราจรติดขัด ทั้งนี้ ประชาชนวอนให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และนักการเมืองฝ่ายค้านช่วยตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจร และความเป็นอยู่ของประชาชน
- ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า นโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ต้องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจสีเทาที่มีจำนวนมากในปัจจุบัน โดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ออกมาตรการที่จะให้ทางธนาคารทำการระงับการใช้โมบายแบงก์กิ้ง สำหรับผู้ที่มีชื่อบัญชีธนาคารไม่ตรงกับชื่อที่จดทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือ โดยมาตรการดังกล่าวทำให้ประชาชนที่มีความบกพร่องทางร่ายกายและสุขภาพ รวมถึงผู้สูงวัยที่ไม่สะดวกในการเดินทางได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากประชาชนกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถเดินทางไปเปลี่ยนชื่อซิมโทรศัพท์มือถือได้ ในขณะที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มธุรกิจสีเทาที่ใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรมทางการเงินนั้น ก็ยังสามารถดำเนินการจ้างผู้ที่เปิดบัญชีม้าไว้ก่อนหน้านี้ ให้เปิดซิมโทรศัพท์มือถือใหม่ เพื่อให้ชื่อในหมายเลขโทรศัพท์มือถือตรงกับชื่อบัญชีม้า อีกทั้ง ได้จ้างให้ผู้ที่จะมาเปิดบัญชีม้ารายใหม่ให้ทำการเปิดซิมโทรศัพท์มือถือด้วย ทั้งนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า มาตรการดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาบัญชีม้าได้ แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาและความไม่สะดวกให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้โมบายแบ็งก์กิ้ง แต่ใช้เบอร์โทรศัพท์ของญาติ
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 36.80 และ 39.50 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 35.20 และ 34.80 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 35.30, 39.30 และ 38.90 ตามลำดับ