ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกันยายน 2566
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกันยายน 2566 เปรียบเทียบเดือนสิงหาคม 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | สิงหาคม 2566 | กันยายน 2566 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 28.40 | 47.10 | 24.50 | 28.50 | 47.60 | 23.90 | 36.10 | 52.00 | 11.90 |
2. รายได้จากการทำงาน | 27.80 | 47.80 | 24.40 | 27.40 | 46.10 | 26.50 | 33.80 | 46.50 | 19.70 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 29.80 | 48.40 | 21.80 | 30.40 | 48.80 | 20.80 | 35.80 | 52.10 | 12.10 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 28.20 | 44.50 | 27.30 | 28.60 | 45.20 | 26.20 | 37.40 | 45.20 | 17.40 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.00 | 47.20 | 25.80 | 27.40 | 47.50 | 25.10 | 34.10 | 55.80 | 10.10 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 25.20 | 47.10 | 27.70 | 25.10 | 46.50 | 28.40 | 34.50 | 49.30 | 16.20 |
7. การออมเงิน | 26.00 | 46.60 | 27.40 | 26.20 | 45.10 | 28.70 | 36.20 | 52.10 | 11.70 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 27.70 | 46.20 | 26.10 | 27.90 | 46.70 | 25.40 | 35.40 | 48.30 | 16.30 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 27.90 | 47.10 | 25.00 | 27.80 | 47.90 | 24.30 | 37.10 | 48.50 | 14.40 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.50 | 47.20 | 26.30 | 26.80 | 47.60 | 25.60 | 31.40 | 46.50 | 22.10 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 25.70 | 45.80 | 28.50 | 25.50 | 46.40 | 28.10 | 32.90 | 45.50 | 21.60 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.10 | 45.30 | 27.60 | 27.30 | 45.70 | 27.00 | 34.30 | 48.50 | 17.20 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 28.20 | 47.70 | 24.10 | 28.60 | 47.80 | 23.60 | 35.50 | 45.70 | 18.80 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือน กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน 2566
รายการข้อคำถาม | 2566 | ||
กรกฎาคม | สิงหาคม | กันยายน | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 48.60 | 48.20 | 48.90 |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.50 | 43.30 | 43.10 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 58.80 | 58.90 | 59.10 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 48.40 | 48.10 | 48.50 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.10 | 49.90 | 50.40 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.70 | 42.50 | 42.20 |
7. การออมเงิน | 41.00 | 40.80 | 40.70 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.20 | 39.10 | 39.50 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 47.80 | 47.40 | 47.90 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.10 | 44.00 | 44.30 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 39.80 | 39.70 | 40.20 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.70 | 35.20 | 35.90 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 36.10 | 36.00 | 39.60 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 44.70 | 44.10 | 45.10 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกันยายน (45.10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบกับเดือนสิงหาคม (44.10) และเดือนกรกฎาคม (44.70) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 2.5 ล้านคน สูงสูดนับตั้งแต่เริ่มกลับมาเปิดประเทศหลังจากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง อีกทั้ง การจ้างงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น นอกจากนี้การดำเนินนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะมาตรการการลดภาระค่าใช้จ่าย ด้านราคาพลังงานและค่าไฟฟ้า โครงการพักหนี้เกษตรกร ตลอดจนการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวโดยยกเว้นการขอวีซ่า (VISA-free entry) แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากจีน และคาซัคสถาน เป็นเวลาชั่วคราวประมาณ 5 เดือน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567) โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 4 แสนคนต่อเดือน เป็น 7 แสนคนต่อเดือนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของประชาชน มีดังนี้
- ประชาชนที่มีรายได้ต่ำและปานกลางส่วนหนึ่งเฝ้ารอคอยโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของตนเองและครัวเรือน ทั้งนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ และไม่เข้าใจเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ตต้องการให้ภาครัฐออกแบบการใช้ดิจิทัลวอลเล็ตแบบง่าย ๆ เช่น การใช้ผ่านบัตรประชาชน เป็นต้น
- ปัจจุบันสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อเป็นอย่างมาก และมีอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของสถาบันการเงินได้ ทั้งนี้ ประชาชนต้องการให้ภาครัฐออกนโยบายสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากภาครัฐในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ โดยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก หาบเร่แผงลอยสามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีกฎระเบียบที่ผ่อนปรนและยืดหยุ่น
- เกษตรกรได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวลดลง อาทิ ยางพาราและปาล์มน้ำมัน ในขณะที่ราคาปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูและวัชพืช กลับมีแนวโน้มราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ เกษตรกรต้องการให้ภาครัฐหามาตรการช่วยเหลือให้ราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น และหามาตรกรช่วยลดต้นทุนทางการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพียงพอต่อการยังชีพ
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 36.10 และ 33.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 35.80 และ 37.40 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.10
34.30 และ 35.50 ตามลำดับ
สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้
- ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพแบบเร่งด่วนแบบทั่วหน้าในช่วง 1-2 เดือนนี้ ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น
2) การช่วยลดค่าไฟฟ้าและพลังงาน รวมถึงสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจัง
3) การช่วยเหลือภาระหนี้สินครัวเรือนในทุกสาขาอาชีพ
4) การเพิ่มเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุ ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ