“ทรู คอร์ปอเรชั่น” ขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่น ตอบรับหุ้นกู้ครั้งแรกหลังการควบรวมทรูดีแทค หมดเกลี้ยง 2.5 หมื่นล้านบาท
กรุงเทพฯ 26 กรกฎาคม 2566 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกภายหลังการควบรวมให้แก่นักลงทุนจำนวน 4 ชุด อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.35-4.50% ต่อปี โดยสามารถขายได้ทะลุเป้า จึงต้องนำหุ้นกู้ที่สำรองไว้ (greenshoe) มาเสนอขายเพิ่มเติมจำนวน 5,000 ล้านบาท รวมมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นของบริษัทใหม่ผู้นำโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่ได้รวมพลังสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งทรูและดีแทค เพิ่มขีดความสามารถและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างรอบด้าน พร้อมต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ด้วยมูลค่าที่เสนอขาย 20,000 ล้านบาท ได้รับการตอบรับอย่างดี มียอดจองซื้อเต็มวงเงินอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้เพิ่มหุ้นกู้ที่สำรองไว้ (Greenshoe) เพื่อเสนอขายเพิ่มเติมอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดเสนอขายทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท ซึ่งได้ปิดการจองซื้อไปเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม บริษัทต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจร่วมลงทุนในหุ้นกู้ของทรูครั้งนี้และขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่งในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ที่ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้สำเร็จเกินเป้าหมาย ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทใหม่ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด รวมทั้งความมั่นใจในศักยภาพของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ภายหลังการควบรวมกิจการ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย ที่พร้อมสร้างประสบการณ์ยอดเยี่ยมจากการรวมพลังสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งทรูและดีแทค และยังเพิ่มขีดความสามารถในการต่อยอดนวัตกรรมบริการดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อคนไทย สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้ในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้และ/หรือเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนด ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคตต่อไป”