ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน 2566
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน 2566 เปรียบเทียบเดือนมีนาคม 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | มีนาคม 2566 | เมษายน 2566 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 28.90 | 47.20 | 23.90 | 29.20 | 47.50 | 23.30 | 36.20 | 47.60 | 16.20 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 28.60 | 47.10 | 24.30 | 28.70 | 47.60 | 23.70 | 36.70 | 51.30 | 12.00 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 28.80 | 47.80 | 23.80 | 29.50 | 48.50 | 22.00 | 32.60 | 39.50 | 27.90 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 27.30 | 45.90 | 26.80 | 28.60 | 44.20 | 27.20 | 37.80 | 47.50 | 14.70 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.70 | 47.60 | 24.70 | 27.90 | 48.60 | 23.50 | 36.80 | 48.60 | 14.60 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 26.50 | 48.10 | 28.40 | 26.30 | 48.90 | 24.80 | 34.70 | 51.70 | 13.60 | ||
7. การออมเงิน | 26.40 | 48.40 | 25.20 | 26.70 | 48.80 | 24.50 | 32.80 | 54.10 | 13.10 | ||
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 28.70 | 46.90 | 24.40 | 28.40 | 45.80 | 25.80 | 39.70 | 45.10 | 15.20 | ||
9. การลดลงของหนี้สิน | 28.80 | 48.70 | 22.50 | 28.60 | 49.40 | 22.00 | 35.60 | 51.30 | 13.10 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.90 | 47.10 | 26.00 | 27.20 | 47.70 | 25.10 | 30.40 | 48.90 | 20.70 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 26.40 | 43.20 | 30.40 | 26.20 | 42.90 | 30.90 | 34.60 | 45.20 | 20.20 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.20 | 44.50 | 28.30 | 27.50 | 45.60 | 26.90 | 33.40 | 46.30 | 20.30 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 29.70 | 47.20 | 23.10 | 29.90 | 47.10 | 23.00 | 32.30 | 44.30 | 23.40 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2566
รายการข้อคำถาม | 2566 | ||
กุมภาพันธ์ | มีนาคม | เมษายน | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 48.70 | 48.90 | 49.30 |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.80 | 44.10 | 44.20 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 57.90 | 58.00 | 58.60 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 49.10 | 49.30 | 49.80 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.10 | 50.40 | 50.70 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.40 | 42.70 | 42.90 |
7. การออมเงิน | 41.00 | 41.20 | 41.30 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.90 | 40.00 | 39.70 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 48.10 | 48.20 | 48.20 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.20 | 44.30 | 44.40 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 40.40 | 40.30 | 40.10 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.30 | 35.20 | 35.20 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 35.20 | 36.10 | 36.30 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 44.80 | 45.10 | 45.80 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนเมษายน 2566 (45.80) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2566 (45.10) และเดือนกุมภาพันธ์ 2566 (44.80) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในปีนี้ได้มีการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของแต่ละพื้นที่ในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบ ภายในงานมีการจัดกิจกรรม ต่าง ๆ เช่น การจัดแสดงดนตรี การเล่นน้ำสงกรานต์ และการจัดแสดงสินค้า เป็นต้น โดยเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีความคึกคัก และมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก โดยมีการประเมินการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มากถึง 2.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายนปี้นี้ นอกจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสงกรานต์แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้น อีกทั้ง สินค้าจำนวนหนึ่งมีการปรับราคาขึ้นในช่วงสงกรานต์นี้ โดยเฉพาะค่าอาหารต่าง ๆ ได้ปรับราคาสูงขึ้น โดยทางผู้ประกอบการให้เหตุผลว่า ราคาวัตถุดิบมีการขยับสูงขึ้นตามสภาพอากาศที่ร้อนจัด เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดน้อยลง ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่เพื่อเก็บวัตถุดิบต่าง ๆ เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากในช่วงนี้ โดยประชาชนส่วนหนึ่งมองว่าช่วงเดือนเมษายนนี้ค่าครองชีพสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ในขณะที่รายได้ของประชาชนเท่าเดิม ทั้งนี้ ประชาชนที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ รวมถึงมีความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่ก่อหนี้ครัวเรือนขึ้นอีก
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของประชาชนต่อนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มีดังนี้
- ความต้องการของประชาชนต่อโนบายด้านพลังงาน สืบเนื่องจากค่าพลังงานต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าของครัวเรือนในเดือนเมษายนนี้ มีการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ประชาชนจึงมีความต้องการให้รัฐบาลใหม่ช่วยแก้ปัญหาพลังงานอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าในบ้านที่เพิ่มขึ้น เช่น การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนติดตั้งระบบไฟฟ้าบนหลังคาบ้าน (Solar Rooftop) เพื่อลดค่าไฟฟ้า และสามารถนำไฟฟ้าส่วนเกินขายคืนให้แก่ภาครัฐได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเข้ามารีบแก้ไขค่าไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน อาทิ การลดค่าไฟฟ้า การลดค่า FT และการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชน เป็นต้น
- ความต้องการของประชาชนต่อนโยบายด้านคมนาคมขนส่ง เช่น การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถขนส่งสินค้า และรถโดยสารสาธารณะ ฯลฯ เพื่อลดการปล่อยมลพิษของยานพาหนะ อีกทั้ง ปรับปรุงคุณภาพของรถโดยสารสาธารณะ และกำหนดค่าบริการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำ และรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้มากขึ้น
- ความต้องการของประชาชต่อนโยบายด้านการเกษตร เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ และปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ทำให้พืชผลทางการเกษตรมีจำนวนน้อย ประกอบกับราคาปุ๋ย และวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้บางช่วง เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น โดยต้องการให้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรที่ยั่งยืน และให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร อีกทั้งช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากร และช่วยลดปัญหาการสร้างก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ควรปรับโครงสร้างหนี้ การให้สินเชื่อที่สอดคล้องกับศักยภาพ และกระแสรายได้ รวมถึงพฤติกรรมของเกษตรกร โดยการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสินเชื่อเกษตรกรที่ครอบคลุมและทันสมัย
- ความต้องการของประชาชนต่อนโยบายด้านแรงงาน โดยนโยบายด้านแรงงานของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งแข่งขันกันว่าพรรคใดจะเสนอค่าจ้างขั้นต่ำได้สูงกว่ากัน ทั้งนี้ ประชาชนมองว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำต้องสอดคล้องกับความสามารถของแรงงานในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงวิสาหกิจชุมชน ในการนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อเพิ่มผลผลิต และลดความสูญเสียให้น้อยลง รวมถึงการส่งเสริมทางด้านการตลาด โดยเฉพาะการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศ และการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อันจะทำให้ผลประกอบการของธุรกิจดีขึ้น จนสามารถนำส่วนต่างของผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นไปเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ประชาชนต้องการให้นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ควรพิจารณาการใช้งบประมาณของประเทศอย่างเหมาะสม และควรกำหนดนโยบายที่สามารถทำได้จริง และสามารถทำได้ทันที ไม่ให้เป็นเพียงนโยบายเพื่อหาเสียงเท่านั้น โดยประชาชนมีความคาดหวังว่า นโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ เมื่อดำเนินการแล้วจะไม่สร้างปัญหาใหม่ให้กับประเทศ นอกจากนี้ ประชาชนมีความกังวลต่อนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน โดยมองว่าพรรคการเมืองหลายพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และจะใช้นโยบายของพรรคใดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ประชาชนคาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จะนำนโยบายที่ให้ความสำคัญและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มากกว่ากลุ่มทุนและกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มพวกพ้อง และเครือญาติของนักการเมือง
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.20 และ 36.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 32.60 และ 37.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 36.80 33.40 และ 32.30 ตามลำดับ
สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1) การช่วยลดค่าไฟฟ้า และรักษาระดับราคาพลังงานต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 2) การช่วยเหลือภาระหนี้สินแก่กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการขนาดเล็ก 3) การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ และ 4) การให้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนในการนำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้