ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2566      

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2566      
Spread the love

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2566              

                      ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ  สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง

 

              ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2566 เปรียบเทียบเดือนพฤศจิกายน 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

รายการข้อคำถาม พฤศจิกายน 2566 ธันวาคม 2566 คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า
เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/ เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/ เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/
ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม 28.90 47.90 23.20 29.20 47.80 23.00 37.10 42.60 20.30
2. รายได้จากการทำงาน 27.80 45.70 26.50 27.70 46.80 25.50 36.70 44.40 18.90
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว 31.50 46.60 21.90 31.60 47.10 21.30 34.70 51.70 13.60
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ 29.20 45.60 25.20 29.50 45.80 24.70 32.80 54.10 13.10
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 27.80 47.50 24.70 27.90 47.70 24.40 36.20 47.60 16.20
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 25.80 46.90 27.30 28.50 47.60 23.90 36.70 51.30 12.00
7. การออมเงิน 26.80 45.60 27.60 27.10 45.80 27.10 34.60 45.20 20.20
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 27.70 46.20 26.10 27.70 46.20 26.10 30.40 48.90 20.70
9. การลดลงของหนี้สิน 27.80 48.80 23.40 28.60 48.50 22.90 33.50 46.80 19.70
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 27.00 46.10 26.90 26.40 46.20 27.40 34.10 48.20 17.70
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 25.20 45.50 29.30 25.20 45.50 29.30 34.10 45.40 20.50
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 27.10 45.30 27.60 26.70 46.50 26.80 37.40 45.20 17.40
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 28.90 48.50 22.60 29.40 47.90 22.70 36.10 52.00 11.90

 

  ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2566

รายการข้อคำถาม 2566
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม 49.50 49.70 49.80
2. รายได้จากการทำงาน 43.40 43.80 43.90
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว 59.30 59.50 59.70
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ 49.90 50.20 50.60
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 50.60 50.70 50.90
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 42.80 43.00 43.40
7. การออมเงิน 41.00 41.10 41.30
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 39.50 39.40 39.30
9. การลดลงของหนี้สิน 48.10 48.20 48.50
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 44.40 44.30 44.30
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 39.60 39.40 39.10
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 35.90 35.60 35.60
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 39.80 40.90 41.20
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม 45.50 45.80 46.30

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2566      

ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนธันวาคม (46.30) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน (45.80) และเดือนตุลาคม (45.50)  โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่  ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม  รายได้จากการทำงาน  รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว  ความสุขในการดำเนินชีวิต  ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย)  การออมเงิน  การลดลงของหนี้สิน  และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ นโยบายส่งเสริมการลงทุน การบริโภคของภาครัฐบาล และการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวขึ้นประมาณ 2% รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้รัฐบาลได้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มในอัตราวันละ 2 – 16 บาท โดยมีผลบังคับใช้เดือนมกราคม 2567 และภาครัฐยังมีมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยลดความกังวลของประชาชน อาทิ นโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ทำให้ลูกหนี้กลับเข้ามาอยู่ในระบบ ซึ่งภาครัฐคาดว่าจะเป็นมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยั่งยืน โดยการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อให้ประชาชนนำไปปิดหนี้นอกระบบ และเข้ามาเป็นหนี้ในระบบที่มีดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก  อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จำเป็นต้องย้อนไปดูที่ต้นตอของการเป็นหนี้ ซึ่งล้วนมาจากการมีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤต  อาทิ  ฤดูกาลที่เกษตรกรมีผลผลิตตกต่ำ ช่วงที่ผู้ประกอบการค้าขายไม่ดี  ช่วงเปิดภาคการศึกษาซึ่งผู้ปกครองต้องจ่ายค่าเล่าเรียนให้แก่บุตรหลาน  เป็นต้น  ซึ่งในช่วงวิกฤตต่าง ๆ ทำให้ประชาชนไม่มีเงินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และไม่สามารถกู้เงินในระบบที่มีดอกเบี้ยไม่สูงได้  เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไปใช้บริการหนี้นอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยสูง  อย่างไรก็ตามหากต้องการที่จะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ภาครัฐจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ต้นตอของปัญหาอย่างถ่องแท้ และต้องมีแผนการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ที่พอเพียงต่อค่าใช้จ่าย  และการปลูกฝังให้ประชาชนมีวินัยทางการเงิน การให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการกู้เงินในระบบ และการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤต ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และมีความต่อเนื่อง เพื่อให้ปัญหาหนี้นอกระบบลดน้อยลงอย่างเป็นรูปธรรม

จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้

  1. ประชาชนผิดหวังจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับขึ้นน้อยมาก ซึ่งประชาชนมองว่า จำนวนเงินที่ปรับขึ้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลย  ทั้งนี้ ประชาชนต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน
  2. ประชาชนต้องการความชัดเจนจากนโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของภาครัฐ โดยเฉพาะประชาชนที่เป็นลูกหนี้และได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว ยังเฝ้ารอการดำเนินงานของภาครัฐที่เป็นรูปธรรม  จึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรดำเนินงานเชิงรุก โดยกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานอย่างชัดเจน และระบุระยะเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนอย่างชัดเจน รวมถึงทำการชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ  เนื่องจากหนี้นอกระบบดอกเบี้ยสูงมาก หากภาครัฐดำเนินการล่าช้า ย่อมทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหนี้นอกระบบจำนวนมากยังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ เนื่องจากมองว่า ดอกเบี้ยตามที่ภาครัฐกำหนดให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นไม่เหมาะกับการกู้เงินนอกระบบแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  โดยเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบส่วนหนึ่งกล่าวว่า ลูกหนี้นอกระบบจำนวนไม่น้อยหนีหนี้ ทำให้เจ้าหนี้มีความเสี่ยงต่อหนี้สูญมากเช่นกัน
  3. ประชาชนมองว่าปัจจุบันมีสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก อาทิ  ยาเสพติด  การพนันออนไลน์  แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้าประเวณี แรงงานต่างด้าว การลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศ ฯลฯ  ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในสังคมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่หน่วยงานภาครัฐบางส่วนรู้เห็นเป็นใจ  โดยหวังรับเงินสินบนจากสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้  จึงเสนอแนะให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานแบบเชิงรุกและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเชิงระบบอย่างจริงจัง จึงควรมีมาตรการแก้ปัญหาการกระทำสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม และมีบทลงโทษอย่างเด็ดขาดแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ปล่อยปละละเลย เพื่อให้สิ่งผิดกฎหมายลดน้อยลง
  4. ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์อุทกภัย ฝนตกหนัก ทำให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบต้องการให้ภาครัฐรีบเข้าช่วยมาเหลืออย่างรวดเร็วและทันท่วงที รวมถึงช่วยเยียวยาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง

                ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 37.10 และ 36.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 34.70 และ 32.80 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น  คิดเป็นร้อยละ 36.20 37.40 และ 36.10 ตามลำดับ

Facebook Comments Box


Spread the love

Written by 

Related posts

Verified by ExactMetrics