ป.ป.ช.ภาค9 และ สนง.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ จัดแถลงข่าวผลงานการทุจริตในพื้นที่ภาค9

Spread the love

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน  2566  เวลา 10.00 – 12.00 น.  ณ ห้องประชุมนิพนธ์  บุญญภัทโร  อาคารคณะบริหารธุรกิจ (อาคาร10) มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา   สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ได้จัดการแถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566  เพื่อสร้างตระหนักถึงผลที่เกิดจากการทุจริต เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างองค์กร ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการป้องกันการทุจริต และลดปัญหาการทุจริตในประเทศไทย  โดยมีนายพัฒนพงศ์  จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์และรายละเอียดของการแถลงข่าว

โดยมีผู้เข้าร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566  ดังนี้

1. นายบัณฑิต  คณะสุวรรณ์        ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง สปจ.ตรัง
2. นายสุวัฒน์  เสาวรัญ               ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนราธิวาส สปจ.นราธิวาส
3. นายธีรชัย  สุขเกษม               ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดปัตตานี สปจ.ปัตตานี
4. นายธนะ  อาษาวุธ                  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพัทลุง สปจ.พัทลุง
5. นายนพพร  บุญโชติตระกูล    ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา สปจ.ยะลา
6. นายราม  วสุธนภิญโญ           ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา สปจ.สงขลา
7. นาย ธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสตูล สปจ.สตูล

สำหรับผลงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา มี

  1. ผลงานภารกิจด้านการปราบปรามการทุจริต

          – เรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล  4 เรื่อง

          – เรื่องที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วจำนวน 1 เรื่อง

  1. ผลงานด้านภารกิจการป้องกันการทุจริต จำนวน  1  เรื่อง
  2. นโยบายเร่งด่วนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 1  เรื่อง
  3. รายงานข้อมูลสถิติภาพรวมของสำนักงาน ป.ป.ช. ในเขตพื้นที่สำนักงาน ป.ป.ช.

      ภาค 9 (สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค ๙ และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด จำนวน 7 จังหวัด) จำนวน 1 เรื่อง (สถิติภารกิจด้านปราบปรามการทุจริต และการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน)

  1. สถิติผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 จำนวน 1  เรื่อง (สถิติภารกิจด้านปราบปรามการทุจริต และการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน)   

การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ...ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

เรื่องที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว จำนวน 1 เรื่อง

เรื่องที่ 1 โครงการจัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมืองหาดใหญ่ พระพุทธมงคลมหาราช ด้วยการสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช”

ข้อกล่าวหาโดยสรุป

เรื่อง ครั้งเมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จำเลยได้อนุมัติโครงการจัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมืองหาดใหญ่ พระพุทธมงคลมหาราช ด้วยการสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น “มงคลมหาราช” เพื่อหาทุนซื้อทองคำน้ำหนักประมาณ 1,500 บาท ไปปิดทององค์พระพุทธมงคลมหาราช ระยะเวลาดำเนินการ 11 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2547 ถึง 30 กันยายน 2548
โดยเทศบาลนครหาดใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ งบประมาณที่ใช้ดำเนินการให้เสนอญัตติขอความเห็นชอบจากสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ยืมเงินสะสม 20,000,000 บาท เพื่อเป็นทุนในการดำเนินการ กรณีนี้ไม่ใช่กิจการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ จำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะเสนอโครงการดังกล่าวต่อสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ และสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ก็ไม่มีอำนาจอนุมัติเงินจำนวนนี้ได้แต่ปรากฏว่า สภาเทศบาลนครหาดใหญ่กลับอนุมัติให้จ่ายขาดเงินดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2547 ทั้ง ๆ ที่ไม่มีกฎหมาย หนังสือ ระเบียบ หรือข้อบังคับจากกระทรวงมหาดไทยรองรับมาก่อน นอกจากนี้รายได้ที่ได้จากการเปิดให้เช่าวัตถุมงคลดังกล่าว ไม่ได้ถูกนำไปบูรณะซ่อมแซม องค์พระประจำเมืองนครหาดใหญ่ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่ามีมูลความผิดทางอาญา และทำให้เกิดความเสียหายต่อเทศบาล 

 คำพิพากษาศาลฎีกาโดยสรุป (แก้จากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์) อ่านเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2566

จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 9 ปี และให้ริบเงินที่เป็นประโยชน์อันอาจคำนวณราคาเงินได้ 14,500,000 บาท โดยให้จำเลยผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินที่ศาลสั่งริบชำระเป็นเงิน 14,500,000 บาท แทนตามมูลค่าของเงินที่ศาลสั่งริบภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง หากไม่ชำระภายในระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสามต่อปีหรืออัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละสองต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Facebook Comments Box


Spread the love

Written by 

Related posts

Verified by ExactMetrics