ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม 2566
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม 2566 เปรียบเทียบเดือนเมษายน 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | เมษายน 2566 | พฤษภาคม 2566 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 29.20 | 47.50 | 23.30 | 29.50 | 48.20 | 22.30 | 35.60 | 45.80 | 18.60 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 28.70 | 47.60 | 23.70 | 28.90 | 48.10 | 23.00 | 36.50 | 50.40 | 13.10 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 29.50 | 48.50 | 22.00 | 29.60 | 48.80 | 21.60 | 35.40 | 48.30 | 16.30 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 28.60 | 44.20 | 27.20 | 28.50 | 44.40 | 27.10 | 37.10 | 48.50 | 14.40 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.90 | 48.60 | 23.50 | 27.80 | 48.80 | 23.40 | 33.50 | 49.40 | 17.10 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 26.30 | 48.90 | 24.80 | 26.60 | 48.20 | 25.20 | 30.10 | 54.60 | 15.30 | ||
7. การออมเงิน | 26.70 | 48.80 | 24.50 | 26.80 | 48.50 | 24.70 | 34.20 | 57.20 | 8.60 | ||
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 28.40 | 45.80 | 25.80 | 28.60 | 46.60 | 24.80 | 30.30 | 48.60 | 21.10 | ||
9. การลดลงของหนี้สิน | 28.60 | 49.40 | 22.00 | 28.40 | 48.20 | 23.40 | 34.60 | 45.20 | 20.20 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 27.20 | 47.70 | 25.10 | 27.30 | 47.20 | 25.50 | 32.10 | 50.70 | 17.20 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 26.20 | 42.90 | 30.90 | 26.50 | 43.20 | 30.30 | 34.30 | 45.60 | 20.10 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.50 | 45.60 | 26.90 | 27.10 | 45.30 | 27.60 | 34.50 | 49.40 | 16.10 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 29.90 | 47.10 | 23.00 | 29.70 | 48.90 | 21.40 | 34.80 | 50.30 | 14.90 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม 2566
รายการข้อคำถาม | 2566 | ||
มีนาคม | เมษายน | พฤษภาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 48.90 | 49.30 | 49.70 |
2. รายได้จากการทำงาน | 44.10 | 44.20 | 45.60 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 58.00 | 58.60 | 58.70 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 49.30 | 49.80 | 49.70 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.40 | 50.70 | 50.90 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.70 | 42.90 | 43.20 |
7. การออมเงิน | 41.20 | 41.30 | 41.40 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 40.00 | 39.70 | 39.50 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 48.20 | 48.20 | 48.10 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.30 | 44.40 | 44.50 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 40.30 | 40.10 | 40.30 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.20 | 35.20 | 35.10 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 36.10 | 36.30 | 36.50 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 45.10 | 45.80 | 46.40 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนพฤษภาคม (46.40) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2566 (45.80) และเดือนมีนาคม 2566 (45.10) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครอบครัว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ แรงสนับสนุนสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% ปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ การลงทุนและภาคการผลิต รวมถึงการส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้ง อัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวที่ลดลง เนื่องจากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มชะลอตัว
แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศมีทิศทางดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นความเสี่ยงต่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ การรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล และการโหวตนายกรัฐมนตรียังมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับมีข่าวการเจรจาต่อรองทางการเมืองที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และยังไม่ตัดสินใจลงทุนทางธุรกิจจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามนักลงทุนและภาคธุรกิจมองว่าการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าและยืดเยื้อออกไป ย่อมส่งผลต่อการประกาศใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของภาครัฐล่าช้าไปด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2567 อันจะสามารถผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามที่ได้หาเสียงไว้
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่รอที่จะเห็นโฉมหน้าของรัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่าง ๆ นอกจากนี้ประชาชนยังคาดหวังต่อการดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ตามนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน ทั้งนี้ ประชาชนหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความชัดเจนในวันเวลาอันใกล้นี้ โดยเฝ้ารอการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของประชาชนต่อนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มีดังนี้
- รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญในการเร่งดำเนินงานขับเคลื่อนโยบายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามที่ได้หาเสียงไว้ มากกว่าการให้ความสำคัญกับการแก้ไขกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน
- การปรับค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับขึ้นตามไปด้วย อันจะส่งกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยภาพรวม ดังนั้น ควรปรับค่าแรงขั้นต่ำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อภาคธุรกิจ รวมถึงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
- ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ปฏิรูปพลังงานให้เกิดความยั่งยืน โดยยกเลิกการผูกขาดด้านพลังงาน และควบคุมราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะราคาพลังงานเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น
- ผู้สูงวัยต้องการให้รัฐบาลใหม่สร้างความเท่าเทียมระหว่างบำนาญประชาชนกับบำนาญข้าราชการ เนื่องจากประชาชนที่ไม่ใช่ข้าราชการมองว่า เขาก็ทำงานให้กับประเทศเช่นเดียวกัน
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 35.60 และ 36.50 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 35.40 และ 37.10 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 33.50
34.50 และ 34.80 ตามลำดับ
สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1) การช่วยลดค่าไฟฟ้าและค่าพลังงาน 2) การเพิ่มค่าแรงให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง 3) การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ และ 4) การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์