ธนาคารชาติ แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 3 ปี 2565
วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ดร.โสภี สงวนดีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคใต้ ได้จัดแถลงข่าว เศรษฐกิจและการเงินเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 โดยรวมว่า “ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย ส่งผลให้การบริโภคปรับดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการจ้างงานที่ทยอยฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงกดดันจากค่าครองชีพและแรงส่งจากรายได้เกษตรกรที่ลดลง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวมากขึ้นตามความต้องการของคู่ค้า ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงบ้างหลังจากที่เร่งไปในช่วงก่อนหน้า”
ด้านการอุปโภคบริโภค จะขยายตัวต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายเกือบทุกภาคส่วนที่มีการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ยานยนต์ และการบริการ แต่ยังเผชิญแรงกดดันจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น
การลงทุนภาคเอกชน จะชะลอลง จากการลงทุนในเครื่องจักและอุปกรณ์ที่ชะลอลง ขณะที่การลงทุนภาคก่อนสร้างยังขยายตัวได้ดี
การใช้จ่ายภาครัฐ หดตัวต่อเนื่อง จากทั้งรายจ่ายประจำที่กลับมาหดตัวและรายจ่ายลงทุนที่หดตัวต่อเนื่อง แม้จะมีการเร่งเบิกจ่ายในช่วงท้ายปีงบประมาณ
การค้าผ่านด่านศุลกากร ยิ่งกลับมาหดตัวอีกตามการส่งออก โดยเฉพาะได้ยางพาราแปรรูป ขณะที่การนำเข้าหดตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
การท่องเที่ยว ขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะมาเลเซีย อินเดียและออสเตรเลีย ส่วนคนไทยเพิ่มขึ้นจากวันหยุดยาวและโครงการเราเที่ยวกัยกันเฟส 4
ภาคอุตสาหกรรม จะขยายตัวมากขึ้น ตามความต้องการของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะยางพราราแปรรูป อาหารทะเลแปรรูป รวมถึงปาล์มน้ำมันที่ผลิตมากขึ้นตามวัตถุดิบเข้าโรงงาน
รายได้เกษตรกร กลับมาหดตัว จากผลผลิตทุเรียนตามสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ด้านราคาชะลอลงจากปาล์มน้ำมันตามการเร่งระบายสต๊อกของอินโดนีเซียและยางพาราที่เริ่มชะลอลง
การจ้างงาน เพิ่มขึ้น ตามจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม (ม.33) ที่ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
การเงิน เงินฝากชะลอลง สินเชื่อชะลดลงเช่นกัน แต่อัตราเงินเฟื้อ 7.31 % สูงขึ้นเล็กน้อย
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ ในไตรมาส 4 ปี 2565 คาดว่าปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตามรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยังมีแรงกดดันจากค่าครองชีพที่สูงและแรงส่งจากรายได้เกษตรกรที่ลดลง ด้านการลงทนภาคเอกชนะและการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาดว่าชะลอลงทั้งในตลาดจีน สหรัฐและยุโรป