ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน 2564
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน เปรียบเทียบ
เดือนมีนาคม และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | มีนาคม | เมษายน | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 25.20 | 47.60 | 27.20 | 24.80 | 47.40 | 27.80 | 37.10 | 42.60 | 20.30 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 25.50 | 47.30 | 27.20 | 25.30 | 48.20 | 26.50 | 34.70 | 51.70 | 13.60 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 36.40 | 44.20 | 19.40 | 25.10 | 46.30 | 28.60 | 32.80 | 54.10 | 13.10 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 25.40 | 46.70 | 27.90 | 36.60 | 44.10 | 19.30 | 39.70 | 45.10 | 15.20 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.20 | 48.10 | 24.70 | 26.80 | 47.70 | 25.50 | 34.60 | 45.20 | 20.20 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 27.30 | 47.60 | 25.10 | 27.10 | 46.20 | 26.70 | 30.40 | 48.90 | 20.70 | ||
7. การออมเงิน | 27.10 | 47.50 | 25.40 | 26.60 | 46.90 | 26.50 | 32.40 | 50.10 | 17.50 | ||
8. ค่าครองชีพ | 33.80 | 47.90 | 18.30 | 32.50 | 46.30 | 21.20 | 39.60 | 49.80 | 10.60 | ||
9. ภาระหนี้สิน | 28.60 | 47.40 | 24.00 | 28.80 | 46.20 | 25.00 | 30.10 | 54.60 | 15.30 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 25.80 | 45.60 | 28.60 | 25.10 | 44.70 | 30.20 | 32.90 | 45.50 | 21.60 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 27.40 | 48.50 | 24.10 | 28.10 | 47.20 | 24.70 | 35.20 | 45.40 | 19.40 | ||
12. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 21.80 | 46.80 | 31.40 | 20.70 | 46.10 | 33.20 | 33.50 | 46.80 | 19.70 | ||
13. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 26.80 | 47.40 | 25.80 | 27.40 | 48.10 | 24.50 | 27.10 | 47.60 | 25.30 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2564
รายการข้อคำถาม | กุมภาพันธ์ | มีนาคม | เมษายน |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 42.70 | 42.30 | 42.10 |
2. รายได้จากการทำงาน | 39.50 | 39.10 | 38.70 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 49.10 | 48.90 | 49.30 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 39.50 | 38.60 | 38.70 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 49.30 | 48.80 | 47.90 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 39.20 | 38.70 | 38.40 |
7. การออมเงิน | 41.80 | 41.50 | 41.30 |
8. ค่าครองชีพ | 43.40 | 43.80 | 43.60 |
9. ภาระหนี้สิน | 46.80 | 47.20 | 47.50 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 35.10 | 35.00 | 34.80 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 47.90 | 47.80 | 47.90 |
12. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 33.60 | 33.10 | 33.00 |
13. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 36.70 | 36.40 | 36.50 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 42.60 | 42.10 | 41.70 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนเมษายน (41.70) ปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม (42.10) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ค่าครองชีพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญมาจากสถานการณ์โควิด-19 เดือนเมษายน ซึ่งได้กลับมารุนแรงกว่าในระลอกก่อนหน้านี้ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับหลักพันคนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยศูนย์กลางการระบาดในระลอก 3 นี้มาจากสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสงกรานต์ประชาชนได้เดินทางท่องเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งในขณะนั้นภาครัฐไม่ได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากนัก ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปสู่คนในทุกสาขาอาชีพ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ประชาชนมีความคิดเห็นที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่มองว่าภาครัฐซึ่งนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยกรัฐมนตรี มีความสามารถในการบริหารจัดการและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีเป็นที่ยอมรับของคนไทยและนานาประเทศ แต่ในขณะนี้กลับมองว่า ภาครัฐไม่ได้เก่งอย่างที่คิด มุ่งเน้นแต่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และขาดมาตรการการป้องกันที่ดี ไม่ศึกษาบทเรียนที่เกิดขึ้นจากต่างประเทศ รวมถึงปล่อยให้ข้าราชการตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองบางกลุ่มแอบรับส่วย และสินบนจากการลักลอบเปิดบ่อนการพนัน การลักลอบเข้าประเทศ การเปิดสถานบันเทิงโดยขาดมาตรการป้องกันที่ปลอดภัย ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 นี้นับว่ารุนแรงที่สุด และทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำถึงขีดสุด ส่งผลต่อการขาดรายได้ และหนี้ที่เพิ่มขึ้นของประชาชนและภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข และความคิดเห็นต่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ มีดังนี้
- รัฐบาลควรจะต้องเร่งออกมาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจและภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะความชัดเจนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์แพร่ระบาดยืดเยื้อเนิ่นนานออกไป ไม่เพียงกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของธุรกิจ และการบริโภคภาคครัวเรือนเท่านั้น แต่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ที่จะเป็นความหวังในการช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย และขยายต่อเนื่องไปยังปีหน้าอีกด้วย
- การเร่งปูพรมกระจายฉีดวัคซีนเป็นภารกิจเร่งด่วน เนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยมีขีดจำกัดในการรองรับผู้ติดเชื้อ หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าพันคนอย่างต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ อาจเกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นหลายโรงพยาบาลเผชิญกับปัญหาเตียงผู้ป่วยเต็ม และขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เกิดสภาวะผู้ป่วยตกค้าง ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันบูรณาการข้อมูลซึ่งกัน แบบ one stop service เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกมาจากสนามมวยและสถานบันเทิง ส่วนการระบาดในระลอก 2 มาจากบ่อนการพนัน และสถานบันเทิง และในระลอก 3 ที่แพร่ระบาดมากที่สุด ก็มาจากสถานบันเทิง ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังแหล่งชุมชนอื่น และคนในครอบครัว โดยประชาชนมองว่าภาครัฐแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงไปอีก ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้แล้ว ขอให้พลเอกประยุทธ์ออกคำสั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดสถานบันเทิง พับ เธค บาร์ คาราโอเกะ และสถานการณ์บริการที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 เพื่อให้ธุรกิจอื่น ๆ ดำเนินต่อไปได้ จนกว่าประชาชนจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครอบคลุมทั้งประเทศ
ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 37.10 และ 34.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 32.80 และ 39.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.60 , 33.50 และ 27.10 ตามลำดับ
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ราคาสินค้า คิดเป็นร้อยละ 29.30 รองลงมา คือ ค่าครองชีพ และราคาพืชผลทางการเกษตร คิดเป็นร้อยละ 25.20 และ 13.40 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ราคาสินค้า