ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2567
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนธันวาคม 2567 เปรียบเทียบเดือนพฤศจิกายน 2567 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการ |
พฤศจิกายน 2567 | ธันวาคม 2567 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 28.10 | 43.60 | 28.30 | 28.20 | 43.50 | 28.30 | 39.60 | 49.80 | 10.60 |
2. รายได้จากการทำงาน | 26.10 | 43.50 | 30.40 | 26.30 | 43.70 | 30.00 | 32.80 | 35.70 | 31.50 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็น
ในครอบครัว |
32.30 | 45.60 | 22.10 | 32.50 | 45.80 | 21.70 | 32.80 | 53.70 | 13.50 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง
ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ |
29.50 | 44.80 | 25.70 | 28.90 | 44.70 | 26.40 | 38.60 | 47.50 | 13.90 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.50 | 44.30 | 28.20 | 27.70 | 44.80 | 27.50 | 32.40 | 50.10 | 17.50 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 27.60 | 45.10 | 27.30 | 27.80 | 45.40 | 26.80 | 35.60 | 51.30 | 13.10 |
7. การออมเงิน | 25.70 | 43.70 | 30.60 | 25.50 | 43.40 | 31.10 | 36.80 | 48.60 | 14.60 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 25.10 | 44.30 | 30.60 | 25.30 | 43.20 | 31.50 | 34.70 | 51.70 | 13.60 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 24.30 | 44.40 | 31.30 | 24.50 | 42.50 | 33.00 | 32.80 | 54.10 | 13.10 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.20 | 45.80 | 28.00 | 26.10 | 45.20 | 28.70 | 39.70 | 45.10 | 15.20 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 24.30 | 43.10 | 32.60 | 24.20 | 43.00 | 32.80 | 33.80 | 48.80 | 17.40 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ |
26.00 | 43.20 | 30.80 | 26.20 | 43.00 | 30.80 | 30.10 | 54.60 | 15.30 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 26.70 | 43.30 | 30.00 | 26.60 | 43.40 | 30.00 | 34.20 | 51.20 | 14.60 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 2567
รายการ | 2567 | ||
ตุลาคม | พฤศจิกายน | ธันวาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 47.50 | 47.40 | 47.40 |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.00 | 42.80 | 43.60 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 60.90 | 59.30 | 61.10 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 48.20 | 48.00 | 49.90 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 49.30 | 49.20 | 49.50 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.40 | 42.10 | 42.70 |
7. การออมเงิน | 40.50 | 40.50 | 40.30 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 38.50 | 38.40 | 38.20 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 45.40 | 45.20 | 45.10 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 43.60 | 43.70 | 43.50 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 38.10 | 37.90 | 37.80 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 34.40 | 34.20 | 34.20 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 40.20 | 40.10 | 40.10 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 43.90 | 43.70 | 44.10 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนธันวาคม (44.10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน (43.70) และเดือนตุลาคม (43.90) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ เนื่องจากเดือนธันวาคมมีวันหยุดนักขัตฤกษ์หลายวัน โดยเฉพาะวันหยุดสิ้นปี ทำให้ประชาชนจำนวนมากเดินทางท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติ และจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนหรือเครือญาติ รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะกิจกรรม Countdown ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ อาทิ หาดใหญ่ ภูเก็ต และสมุย เป็นต้น ทำให้ในช่วงวันหยุดสิ้นปีนี้ ประชาชนได้ใช้จ่ายเงินไปกับการท่องเที่ยว การสังสรรค์ การซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคจำนวนมากขึ้น อีกทั้ง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในหลายพื้นที่ในภาคใต้ได้จัดกิจกรรมในช่วงสิ้นปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยว ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้ อาจเป็นเพียงการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังอยู่ในช่วงประคับประคอง และประชาชนจำนวนไม่น้อยยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย อีกทั้งยังมีหนี้สินจำนวนมาก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการแจกเงิน 10,000 บาทแก่กลุ่มเปราะบาง แต่ก็สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ใน ช่วง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ในส่วนโครงการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ได้เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถจัดการภาระหนี้ได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ชั้นดีที่ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เพื่อเก็บหอมรอมริบนำเงินมาจ่ายหนี้ เกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม จึงวอนขอให้ภาครัฐช่วยลดดอกเบี้ยให้บ้าง อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นภาครัฐควรกำหนดแผนและมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว โดยเริ่มจากการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโต ทำให้ประชาชนมีรายได้มากกว่ารายจ่าย รวมถึงลดพฤติกรรมการก่อหนี้ของประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนเกิดซ้ำซากขึ้นอีก
จากการสัมภาษณ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและต้องการเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีดังนี้
- จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนที่ประสบภัยได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 9,000 บาท ซึ่งเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ประชาชนผู้ประสบภัยจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือ จึงวอนให้ภาครัฐมีแผนการทำงานในการแก้ปัญหาแบบเชิงรุก และช่วยเร่งจ่ายเงินเพื่อเยียวยาแก่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน รวมถึงน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคใต้มักจะเกิดขึ้นในจุดเดิมเป็นประจำทุกปี ประชาชนจึงต้องการให้ภาครัฐวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี
- ประชาชนส่วนหนึ่งผิดหวังที่ภาครัฐไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งทำได้แค่เพียง 4 จังหวัด และ1 อำเภอเท่านั้น อีกทั้งประชาชนมองว่า การปรับขึ้นค่าแรงเพียงเล็กน้อยนั้นส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายถือโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการไปก่อนแล้ว ประกอบกับในช่วงปีใหม่ยังมีธุรกิจอีกจำนวนไม่น้อยที่เตรียมจะขึ้นราคาสินค้าและบริการ ดังนั้นประชาชนจึงขอให้ภาครัฐช่วยควบคุมราคาสินค้าและบริการไม่ให้สูงขึ้นมากไปกว่านี้ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายในการดำรงชีพของประชาชนให้สอดคล้องตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
- ประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรที่แนะนำรัฐบาลให้ออกธนบัตรดิจิทัล หรือสเตเบิลคอยน์ หรือคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะการเสนอให้นำทองคำและเงินทุนสำรองของประเทศไปค้ำประกัน รวมถึงเสนอให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องเพื่อทดลองใช้ธนบัตรดิจิทัล โดยประชาชนส่วนหนึ่งมองว่าการออกธนบัตรดิจิทัล แม้ว่าจะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะธนบัตรดิจิทัลมีความผันผวนทางมูลค่าสูงมาก ซึ่งอาจจะทำให้เงินบาทขาดความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ นโยบายการเงินควรเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาลไม่ควรเข้าไปแทรกแซง
- จากสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้ผลกำไรของธุรกิจลดลงตามไปด้วย ทำให้ธุรกิจจำนวนไม่น้อยต้องลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะต้นทุนค่าจ้างพนักงาน จึงจำเป็นต้องปรับลดพนักงาน ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีการปลดพนักงานจำนวนมาก โดยในปีพ.ศ. 2568 หากสภาพเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ดีขึ้นก็ยังมีธุรกิจอีกจำนวนมากกำลังเตรียมแผนปรับลดพนักงาน และจะมีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการแก้ปัญหาให้กับผู้ว่างงาน และควรจัดเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโต เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่ม รวมถึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นเพราะต้นทุนของราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น (น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส และไฟฟ้า) ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการควบคุมราคาพลังงานทั้งระบบ รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ทั้งการติดตั้งแผง โซล่าเซลล์บนหลังคาอาคารของธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนของธุรกิจ และติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาที่อยู่อาศัยของประชาชน เพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้แล้ว ยังสามารถช่วยลดปัญหามลพิษ และภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
- ประชาชนที่จ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคมล้วนมองว่า “สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคมน้อยกว่าบัตรทอง” ทั้งที่ผู้ที่ใช้สิทธิรักษาของประกันสังคมต้องจ่ายเงินสมทบทุกเดือน ซึ่งแตกต่างจากผู้ใช้สิทธิรักษาบัตรทอง ซึ่งจ่ายค่ารักษาครั้งละ 30 บาท จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยปรับสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้ใช้สิทธิประกันสังคมให้เทียบเท่ากับสิทธิการรักษาพยาบาลของบัตรทอง เพื่อให้เกิดความเสมอภาคของประชาชนคนไทย
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ39.60 และ 32.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 32.80 และ 38.60 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 32.40, 30.10 และ 34.20 ตามลำดับ