สรุปผลหาดใหญ่โพล HATYAI POLL
เรื่อง “มุมมองของประชาชนที่มีต่อการให้บริการและนโยบายของสำนักงานประกันสังคม”
หาดใหญ่โพล โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมุมมองของประชาชนที่มีต่อการให้บริการและนโยบายของสำนักงานประกันสังคม กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้เป็นผู้ประกันตนระบบประกันสังคมในจังหวัดสงขลา จำนวน 400 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 10-17 พฤศจิกายน 2560 ผลการสำรวจสรุปได้ดังนี้
สถานภาพของกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้ประกันตนเพศหญิง (ร้อยละ 65.00) ช่วงอายุ 31-40 ปี (ร้อยละ 36.75) รองลงมา ช่วงอายุ 41-50 ปี (ร้อยละ 34.25) และช่วงอายุ 21-30 ปี (ร้อยละ 21.00) ตามลำดับ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีรายได้ 10,001-15,000 บาท (ร้อยละ 48.25) รองลงมา รายได้ 20,001-30,000 บาท และรายได้ 15,001-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 16.75 และ 12.50 ตามลำดับ
สรุปผลการสำรวจ
รองศาสตราจารย์ทัศนีย์ ประธาน ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจหาดใหญ่โพล พบว่า ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ เคยใช้บริการของสำนักงานประกันสังคม (ร้อยละ 80.00)ส่วนใหญ่ใช้สิทธิ์ด้านสวัสดิการรักษาอาการเจ็บป่วย มากที่สุด (ร้อยละ 53.75) รองลงมา ด้านสวัสดิการในการคลอดบุตร (ร้อยละ 30.00) และสวัสดิการเกี่ยวกับทันตกรรม (ร้อยละ 18.75) ตามลำดับ
ผู้ประกันตนมีความพึงพอใจต่อภาพรวมการให้บริการของสำนักงานประกันสังคมในระดับ ปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.23 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 3 คะแนน) เมื่อพิจารณาเป็นรายประเด็น พบว่า ทุกประเด็นอยู่ในระดับปานกลาง ยกเว้นประเด็นเกี่ยวกับการรักษาและดูแลสุขภาพของโรงพยาบาลเครือข่าย มีความพึงพอใจในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.42 คะแนน) รองลงมา เป็นประเด็นสวัสดิการต่างๆที่ได้รับจากสำนักงานประกันสังคม การให้บริการของเจ้าหน้าที่ และอัตราการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตน มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย 2.24 2.17 และ 2.10 ตามลำดับ นอกจากนี้ผู้ประกันตน ร้อยละ 52.09 เห็นว่าการให้บริการและสวัสดิการที่ได้รับจากสำนักงานประกันสังคม และร้อยละ 47.91 เห็นว่าไม่คุ้มค่าในการจ่ายเงินสมทบ โดยให้เหตุผลว่า การให้บริการของสำนักงานประกันสังคมไม่เป็นที่ น่าประทับใจ มากที่สุด (ร้อยละ 30.90) รองลงมา เป็นการให้สวัสดิการไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกันตน (ร้อยละ 26.40)และสำนักงานประกันสังคมมีการสื่อสารในรายละเอียดกับการให้บริการและสวัสดิการไม่ชัดเจนส่งผลต่อการให้บริการและสวัสดิการ (ร้อยละ 14.61)
ผู้ประกันตนร้อยละ 51.69 เห็นว่าการที่กลุ่มของตนเป็นกลุ่มบุคคลเพียงกลุ่มเดียวที่เสียเงินดูแลสุขภาพ จึงไม่เป็นธรรมของสังคมกับกลุ่มของตน
ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขยายฐานเงินเดือนจาก 15,000 บาทเป็น 20,000 บาท พบว่า ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ร้อยละ 60.22 ไม่เห็นด้วยกับขยายฐานเงินเดือนจาก 15,000 บาทเป็น 20,000 บาท เพราะทำให้ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้น และเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ดี มากที่สุด (ร้อยละ 39.53) ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบหากมีการขยายฐานเงินเดือน พบว่า ผู้ประกันตนเห็นว่าการขยายฐานเงินเดือนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในครอบครัวในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.41 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน) ทั้งนี้ผู้ประกันตนต้องการจ่ายเงินสมทบในรูปแบบอัตรา 5% ของเงินเดือน มากที่สุด (ร้อยละ 38.75)
ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดในการขยายการจ่ายเงินเบี้ยชราภาพ จาก 55 ปี เป็น 60 ปี พบว่า ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.25 เห็นด้วยกับสำนักงานประกันสังคมในการขยายการจ่ายเงินเบี้ยชราภาพจาก 55 ปี เป็น 60 ปี นอกจากนี้ผู้ประกันตนร้อยละ 40.53 ต้องการให้สำนักงานประกันสังคมเพิ่มสวัสดิการการกู้บ้าน มากที่สุด รองลงมา คือ เพิ่มสิทธิในการเลือกใช้โรงพยาบาลของรัฐและเอกชน (ร้อยละ32.63) และมีคลีนิคประกันสังคมเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 14.74)