งาน พิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ “โตโยด้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 4 จังหวัด สงขลา
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2565 ณ บริษัท 42 เนเจอรัสรับเบอร์ จำกัด คุณวรณัฏฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ “โตโยด้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 4 จังหวัด สงขลา โดยมี คุณไปรยา ลาภาโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าสงขลา ผู้จำหน่าย โตโยด้า จำกัด คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ว่าที่พันตรี ยุทธนา เจ้าดูรึ นายอำเกอจะนะ คุณคุณัญญา แก้วหนู กรรมการจัดการ บริษัท 42 เนจอรัลรับเบอร์ จำกัต รวมทั้งผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ โตโยต้า สื่อมวลชน และ แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
คุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ดำเนินโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ด้วยความตั้งใจในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มั่นคง โดยมีพันธกิจของโครงการในการนำนวัตกรรมทางความคิดของโตโยต้า อาทิ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และปรัชญาลูกค้าเป็นที่หนึ่ง มาใช้ในการปรับปรุงวิถีการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทย ให้เติบโตอย่างมั่นคงได้ด้วยตนเอง ตลอดจนสามารถถ่ายทอดประสบการณ์การพัฒนาธุรกิจที่ได้รับสู่ผู้ประกอบการรายอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงมิได้มองผลสำเร็จของโครงการเพียงแค่การปรับปรุงกระบวนการในระยะสั้นแต่เราใด้ติดตามผลการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ บริษัท 42 เนเจอรัลรับเบอร์จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหมอนเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากยางพาราธรรมชาติ 100% ได้สมัครเข้าร่วมโครงการเมื่อปี 2560 จนถึงส่งมอบโครงการฯ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 เราพบว่าทางบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้น การบริหารต้นทุนวัตถุดิบและการลดของเสียในกระบวนการ ตลอดจนการปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง และยังคงรักษาวัฒนธรรมการไคเซ็นและการดำเนินธุรกิจตามหลักวิถีโตโยต้าอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายผลการสร้างมาตรฐานการควบคุมงานรวมถึงบริหารงานภายใต้ระบบ Tayota Producion System ได้อย่างมีออาชีพ สามารถลดต้นทุนและด้วยเหตุนี้ได้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต ให้ครอบคลุมสินค้าทุกชนิดของบริษัท สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรง 100% บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และ บริษัท โตโยต้าสงขลา ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพดังกล่าว จึงสนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัท 42 เนเจอรัส รับเบอร์ จำกัด อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นศูนย์การเรียน “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 4 ต่อจากศูนย์การเรียนรู้ 3 แห่งแรก ที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงราย ตามลำดับ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการแบ่งปันประสบการณ์การไคเช็นธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในภาคใต้ ได้นำไปใช้ปรับปรุงธุรกิจของตนต่อไป
ทางด้านคุณไปรยา ลาภาโรจน์กิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้าสงขลา ผู้จำหน่าย โตโยต้า จำกัด กล่าวว่า เข้าร่วมโครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ด้วยตั้งใจที่จะยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพราะเราเชื่อมั่นว่าองค์ความรู้ในการผลิดและการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า จะสามารถช่วยผู้ประกอบการในการปรับปรุงและดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อผู้ประกอบการเหล่านั้น สามารถลดต้นทุน เพิ่มกำไร แก้ปัญหาและความมั่นคงในธุรกิจได้แล้วนั้น แน่นอนว่าผู้ประกอบการก็จะสามารถแบ่งปันผลความสำเร็จเหล่านั้นมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานและคนในชุมชนรวมทั้งผู้ประกอบการรายอื่นๆอันจะนำมาซึ่งความสุขและรอยยิ้มของทุกคนต่อไป
คุณคุณัญญา แก้วหนู กรรมการจัดการ บริษัท 42 เนจอรัลรับเบอร์ จำกัต กล่าวว่า โรงงานเข้าร่วมโครงการกับ “โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์” ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนในตำบลคลองเปียะและพื้นที่ใกล้เคียง ในตอนแรกเริ่มเรารับซื้อน้ำยางพาราสดจากชุมชนนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่น จากนั้นเริ่มพัฒนาการแปรรูปเป็นถุงมือ ผ้าเคลือบยางพารา และพัฒนาเป็นหมอนยางพาราตามลำดับ โดยเน้นการผลิตจากน้ำยางพารา 100% จำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ และด้วยระบบการทำงานที่ไม่เป็นระบบ ไม่มีมาตฐานการปฏิบัติงาน ทำให้ต้องใช้เวลาในการผลิดค่อนข้างนานและเกิดของเสียในกระบวนการผลิต จนส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายและการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าในหลาย ๆ ครั้ง จึงเป็นที่มาของการเข้าร่วมโครงการกับ “โดโยต้าธุรกิจซุมชนพัฒน์”
ซึ่งตอนแรก ดิฉันตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้ โดยไม่ใด้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะไม่คิดว่าบริษัทผลิตรถยนต์อย่างโตโยต้า จะสามารถปรับปรุงธุรกิจที่เกี่ยวกับยางพารา และมีข้อจำกัดเฉพาะบางประการในกระบวนการผลิต แต่ทีมงานของโตโยต้ากลับทำให้เราได้ปรับปรุงในหลายๆด้าน และทำได้ดีเกินความคาดหมายของดิฉันมาก ๆ เพราะนอกจากผลสำเร็จทางธุรกิจ เช่น ระยะเวลาในการตากหมอน ตันทุนในกระบวนการที่ลดลงแล้ว และคุณภาพที่เพิ่มขึ้น ที่เห็นใด้ชัดเจนและสำคัญที่สุดก็คือ พนักงานของเราได้เรียนรู้วิธีการปรับปรุงธุรกิจแบบไคเซ็น และทำการไคเซ็นได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้มีการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น ทำงานได้สะดวกสบายขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ
ติฉันคิดว่า นี่คือบทพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่า หลักการไคเซ็นนั้น สามารถนำมาไช้ได้จริงกับทุกธุรกิจ และวันนี้ติฉันกับพนักงานของบริษัท 42 เนอเจอรัสรับเบอร์ ทุกคนดีใจและภูมิใจมาก ที่ผลงานจากการเข้าร่วมโครงการ “โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์” จะถูกเผยแพร่และแบ่งปันสู่สังคม โดยต่อไปนี้เราจะได้รับบทบาทสำคัญอีกบทบาทหนึ่งและเราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ นั่นก็คือ การเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดนวัตกรรมทางความคิดและการไคเซ็นในการปรับปรุงธุรกิจแบบโตโยตัาให้เป็นที่รู้จักและเกิดประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง
