ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2565
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม เปรียบเทียบ
เดือนมิถุนายน และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | มิถุนายน 2565 | กรกฎาคม 2565 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 25.30 | 45.20 | 29.50 | 26.70 | 45.80 | 27.50 | 34.50 | 49.30 | 16.20 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 25.10 | 47.10 | 27.80 | 25.20 | 45.40 | 29.40 | 34.10 | 55.80 | 10.10 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 26.90 | 46.30 | 26.80 | 27.40 | 47.50 | 25.10 | 35.40 | 48.30 | 16.30 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 33.60 | 44.70 | 21.70 | 34.80 | 45.90 | 19.30 | 37.10 | 48.50 | 14.40 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 26.30 | 46.80 | 26.90 | 26.70 | 47.10 | 26.20 | 34.20 | 45.60 | 20.20 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 26.40 | 45.70 | 27.90 | 26.30 | 45.50 | 28.20 | 37.40 | 47.60 | 15.00 | ||
7. การออมเงิน | 25.10 | 48.30 | 26.60 | 25.00 | 46.80 | 28.20 | 37.50 | 41.20 | 21.30 | ||
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 30.50 | 44.80 | 24.70 | 29.70 | 44.20 | 26.10 | 34.50 | 51.30 | 14.20 | ||
9. การลดลงของหนี้สิน | 29.30 | 48.70 | 22.00 | 29.60 | 46.30 | 24.10 | 36.80 | 49.20 | 14.00 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 25.80 | 45.60 | 28.60 | 26.20 | 45.80 | 28.00 | 35.60 | 45.80 | 18.60 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 27.60 | 43.80 | 28.60 | 27.30 | 43.10 | 29.60 | 39.60 | 49.80 | 10.60 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.70 | 44.90 | 27.40 | 27.90 | 44.10 | 28.00 | 32.40 | 50.10 | 17.50 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 29.30 | 44.70 | 26.00 | 28.60 | 43.80 | 27.60 | 34.10 | 55.80 | 10.10 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม 2565
รายการข้อคำถาม | 2565 | ||
พฤษภาคม | มิถุนายน | กรกฎาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 43.70 | 43.40 | 43.90 |
2. รายได้จากการทำงาน | 40.20 | 39.90 | 39.80 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 53.10 | 53.80 | 55.20 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 43.10 | 40.30 | 45.50 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 48.60 | 48.20 | 48.70 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 41.00 | 40.50 | 40.40 |
7. การออมเงิน | 39.40 | 39.00 | 38.80 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 41.40 | 40.20 | 40.10 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 48.70 | 48.60 | 48.40 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 38.90 | 39.10 | 40.80 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 46.70 | 45.40 | 45.30 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 37.80 | 37.00 | 38.00 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 32.10 | 32.00 | 31.80 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 41.60 | 41.10 | 41.80 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกรกฎาคม 2565 (41.80) ปรับเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2565 (41.10) และเดือนพฤษภาคม (41.60) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ เดือนกรกฎาคมนี้ภาครัฐได้ประกาศให้มีวันหยุดยาวหลายวันเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งระดับรายได้และการจ้างงานของประชาชนเริ่มกลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ลดลงและมีแนวโน้มการแพร่ระบาดที่ทรงตัวในระดับที่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้ภาครัฐเปิดประเทศรับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ตามปกติ โดยยกเลิกการลงทะเบียนผ่าน Thailand Pass และยกเว้นเงินประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการท่องเที่ยวในภาคใต้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยาวนาน และการเปิดประเทศครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้เพราะในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเป็นฤดูการท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยค่อนข้างมาก และหากภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ โดยไม่ให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ในวงกว้างอีกได้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งจากการลงทุนภายในประเทศและการลงทุนจากต่างชาติตามแนวโน้มการเปิดเมือง โดยเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากการทยอยเปิดประเทศทั้งประเทศไทยเองและประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยว ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงท้ายปีมีแนวโน้มที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น จากการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติวิถีใหม่ของประชาชน และด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น ส่งผลต่อตลาดแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข และความคิดเห็นต่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ มีดังนี้
- ประชาชนมีความกังวลกับราคาสินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้น ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ประชาชนเท่าเดิมหรือลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่มากนัก จึงเสนอแนะให้ภาครัฐหามาตรการลดราคาพลังงานในประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน
- การท่องเที่ยวของไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งมาจากผลกระทบจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปตะวันออกยังไม่มีความแน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย จึงเสนอแนะให้ภาครัฐหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยมากขึ้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยวไทย
- จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ลดลง สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเสนอแนะให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างเหมาะสมเพื่อส่งเสริมการลงทุน เพิ่มรายได้ให้กับประชน และเพิ่มการใช้จ่ายของประชาชนให้สูงขึ้น
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 34.50 และ 34.10 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 35.40 และ 37.10 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.20 32.40 และ 34.10 ตามลำดับ
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 58.10 รองลงมา คือ ภาระหนี้สินของประชาชน คิดเป็นร้อยละ 18.30 ภาวะเงินเฟ้อ คิดเป็นร้อยละ 13.60 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 คิดเป็นร้อยละ 5.90 ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรรีบดำเนินการและให้ความช่วยเหลือ อันดับแรก คือ การแก้ปัญหาราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รองลงมา คือ การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน การแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามลำดับ