ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน 2564
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน เปรียบเทียบ
เดือนตุลาคม และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | ตุลาคม | พฤศจิกายน | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 24.30 | 44.80 | 30.90 | 25.20 | 45.40 | 29.40 | 36.10 | 52.00 | 11.90 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 23.70 | 45.30 | 31.00 | 24.80 | 45.10 | 30.10 | 35.80 | 52.10 | 12.10 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 24.70 | 47.30 | 28.00 | 25.60 | 47.80 | 26.60 | 37.40 | 45.20 | 17.40 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 33.80 | 46.50 | 19.70 | 34.30 | 48.50 | 17.20 | 34.10 | 55.80 | 10.10 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 26.40 | 47.40 | 26.20 | 26.60 | 47.10 | 26.30 | 32.10 | 50.70 | 17.20 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 26.30 | 45.10 | 28.60 | 26.70 | 45.80 | 27.50 | 30.10 | 54.60 | 15.30 | ||
7. การออมเงิน | 25.10 | 45.70 | 29.20 | 26.30 | 46.40 | 27.30 | 34.20 | 57.20 | 8.60 | ||
8. ค่าครองชีพ | 32.60 | 44.70 | 22.70 | 32.90 | 45.50 | 21.60 | 30.20 | 46.20 | 23.60 | ||
9. ภาระหนี้สิน | 30.90 | 48.50 | 20.60 | 31.30 | 48.40 | 20.30 | 34.50 | 49.30 | 16.20 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 24.60 | 44.80 | 30.60 | 25.20 | 45.20 | 29.60 | 36.20 | 52.10 | 11.70 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 28.80 | 48.90 | 22.30 | 28.30 | 48.10 | 23.60 | 30.30 | 48.60 | 21.10 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.80 | 47.70 | 24.50 | 27.10 | 47.20 | 25.70 | 35.40 | 48.30 | 16.30 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 31.40 | 46.50 | 22.10 | 31.80 | 46.70 | 21.50 | 37.10 | 48.50 | 14.40 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน 2564
รายการข้อคำถาม | กันยายน | ตุลาคม | พฤศจิกายน |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 41.90 | 42.10 | 42.40 |
2. รายได้จากการทำงาน | 38.70 | 38.90 | 39.00 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 49.50 | 49.60 | 49.80 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 38.10 | 39.40 | 39.80 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 47.00 | 47.20 | 47.30 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 38.20 | 38.50 | 38.50 |
7. การออมเงิน | 39.50 | 39.60 | 39.80 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 44.30 | 44.70 | 44.10 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 49.10 | 49.20 | 49.40 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 34.80 | 34.90 | 35.30 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 47.90 | 47.80 | 47.70 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 36.50 | 36.80 | 36.60 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 32.40 | 32.50 | 32.70 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 39.70 | 40.20 | 41.60 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน 2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนพฤศจิกายน (41.60) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม (40.20) เดือนกันยายน(39.70) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว การออมเงิน การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่ส่งผล ได้แก่ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด -19 เดือนพฤศจิกายนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าเดือนตุลาคม โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทรงตัว สถานการณ์โควิด-19 เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น ส่งผลให้มีการทยอยผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดและการเดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19ได้ และไม่กลับมาระบาดอย่างรุนแรง จนทำให้ต้องเกิดการล็อกดาวน์อีก ย่อมจะเป็นปัจจัยหนุนที่ดีสำหรับทิศทางตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในปลายปีนี้และต้นปีหน้า โดยการฟื้นตัวน่าจะยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งยังมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม สถานที่ท่องเที่ยวในหลายจังหวัดได้มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือกรณีที่นักท่องเที่ยวไทยยังไม่ได้รับวัคซีนอาจจะต้องตรวจ ATK นอกจากนี้ การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 นับเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามจากทุกภาคส่วนที่จะพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเดินหน้าต่อได้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีคาบเกี่ยวไปถึงช่วงต้นปีถัดไป นับว่าเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น ๆ
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข และความคิดเห็นต่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ มีดังนี้
- การตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” (Omicron) ซึ่งเป็นโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าถึง 500% อีกทั้งยังเป็นเชื้อที่ต่อต้านวัคซีน และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ประชาชนจึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการเข้ามาของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทย
- จากสถานการณ์ฝนตกหนักทั่วภาคใต้ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ประชาชนเสนอแนะให้ภาครัฐและหน่วยงานที่ดูแลสาธารณภัยในพื้นที่ต้องเตรียมตัว เฝ้าระวัง และแจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวและลดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม
- จากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น สาเหตุเกิดจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนของค่าขนส่งต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประชาชนจึงเสนอแนะให้ภาครัฐควรมีมาตรการดูแลและแก้ไขที่ต้นเหตุ เพื่อลดค่าครองชีพและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.10 และ 35.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 37.40 และ 34.10 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 32.10
35.40 และ 37.10 ตามลำดับ
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 26.40 รองลงมา คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการควบคุมการดำเนินงานของธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 18.70 และ15.50 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรรีบดำเนินการ และให้ความช่วยเหลือ อันดับแรก คือ การแก้ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รองลงมา คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ตามลำดับ