ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2568

Spread the love

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2568

                      ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ  สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง

 

              ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2568 เปรียบเทียบเดือนกันยายน 2568 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

 

                           รายการ

 

กันยายน 2568 ตุลาคม 2568   คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า
เพิ่มขึ้น/ดีขึ้น คงที่/เท่าเดิม ลดลง/แย่ลง เพิ่มขึ้น/ดีขึ้น คงที่/เท่าเดิม ลดลง/แย่ลง เพิ่มขึ้นดีขึ้น/ คงที่/เท่าเดิม ลดลง/

แย่ลง

1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม    28.00   43.10   28.90 29.20   43.80   27.00 38.60 47.50 13.90
2. รายได้จากการทำงาน 25.80 43.00 31.20 27.30 43.90 28.80 32.40 50.10 17.50
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็น

ในครอบครัว

32.10 45.50 22.40 32.20 43.40 24.40 35.60 51.30 13.10
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง

ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ

28.00 45.20 26.80 29.10 47.20 23.70 36.80 48.60 14.60
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 27.70 43.20 29.10 28.70 44.50 26.80 34.70 51.70 13.60
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 26.60 45.40 28.00 26.90 45.80 27.30 32.80 54.10 13.10
7. การออมเงิน 24.10 42.50 33.40 24.60 42.70 32.70 39.70 45.10 15.20
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 25.00 42.40 32.60 25.20 41.30 33.50 39.60 49.80 10.60
9. การลดลงของหนี้สิน 23.90 43.00 33.10 24.70 43.80 31.50 32.80 35.70 31.50
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 25.50 44.30 30.20 25.90 45.70 28.40 32.80 53.70 13.50
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 23.00 41.80 35.20 23.20 41.20 35.60 30.10 54.60 15.30
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด

ชายแดนภาคใต้

26.20 46.60 27.20 26.10 46.10 27.80 34.20 51.20 14.60
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 27.10 40.30 32.60 27.60 42.10 30.30 32.50 45.80 21.70

 

 ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม 2568

รายการ

2568
สิงหาคม กันยายน ตุลาคม
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม 43.90 43.90 47.40*
2. รายได้จากการทำงาน 42.50 42.10 43.30*
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว 57.80 57.70 57.60
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ 47.90 47.20 48.70*
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 47.10 47.10 48.20*
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 40.70 40.30 41.10*
7. การออมเงิน 39.20 39.00 39.50*
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 37.40 37.30 37.30
9. การลดลงของหนี้สิน 43.30 43.00 43.40*
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 42.50 42.40 42.60*
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 36.00 35.50 35.40
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 33.20 33.10 33.00
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 37.60 37.60 38.90*
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม 42.20 42.00 42.80*

* หมายถึง ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนที่เพิ่มขึ้น

                ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนตุลาคม (42.80) ปรับตัวเพิ่มเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน (42.00) และเดือนสิงหาคม (42.20) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่  ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม  รายได้จากการทำงาน  รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว  ความสุขในการดำเนินชีวิต  ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย)  การออมเงิน  การลดลงของหนี้สิน  ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนที่เพิ่มขึ้น สาเหตุที่สำคัญ คือ ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน ที่เรียกว่า “Quick Big Win” ซึ่งเป็นการกระตุ้นสั้น แต่หวังผลในระยะยาว รวมถึงสามารถกระจายความเจริญไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยมีโครงการและมาตรการ ดังนี้

  1. โครงการ “คนละครึ่งพลัส” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และทำให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไหลเวียนไปสู่ผู้ค้ารายย่อยโดยตรง ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ร้านค้าชุมชน หาบเร่ แผงลอย โดยประชาชนจะได้รับจำนวน 20 ล้านสิทธิ์ ในวงเงินไม่เกิน 44,000 ล้านบาท เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งประชาชนให้การตอบรับต่อโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เป็นอย่างมาก โดยสังเกตจาก โควตา 20 ล้านสิทธิ์หมดภายในวันเดียว  โดยโครงการ “คนละครึ่งพลัส” สามารถใช้จ่ายผ่านฟู้ดเดลิเวอรีได้ ซึ่งทำให้ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากให้ความสนใจ และคาดว่าจะมีร้านค้าและร้านอาหารเข้าร่วมกว่า 9 แสนร้าน เนื่องจากไม่ต้องกังวลต่อการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เพราะภาครัฐแจ้งว่าจะไม่ส่งข้อมูลการขายของร้านค้าและร้านอาหารให้กับกรมสรรพากร
  2. มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยประชาชนสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการเข้าพักโรงแรม โฮมสเตย์ สถานที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม รวมถึงค่าอาหารในร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 20,000 บาท ซึ่งประชาชนที่ท่องเที่ยวเมืองหลักจะได้หักค่าลดหย่อนได้ 1 เท่าของค่าใช้จ่าย และเที่ยวเมืองรองจะได้หักค่าลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ SME ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
  3. มาตรการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยการจัดงาน “รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย (LOCAL Low COST)” เพื่อลดราคาสินค้าจำเป็นสูงสุดกว่า 60% ตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ย. 2568 เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ให้สามารถเข้าถึงสินค้าราคาประหยัด อีกทั้งช่วยเพิ่มยอดขายและรายได้ให้กับผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นกว่า 90 แห่ง 800 สาขา
  4. 4. มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคล รัฐบาลมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบที่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท โดยพิจารณามาตรการ เช่น การพักชำระหนี้ (โดยรัฐบาลอาจชดเชยดอกเบี้ยให้) และการช่วยลูกหนี้ที่มีศักยภาพให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบ รวมถึงการเร่งรัดมาตรการแก้หนี้ในระบบ เช่น การดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้สินต่าง ๆ

จากการสัมภาษณ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและต้องการ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยประชาชนและนักวิชาการในหลากหลายสาขาอาชีพได้เสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้ 

  1. จากสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ ทำให้ประชาชนให้ความสนใจโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน แต่ยังคงมีประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์ได้ทัน เนื่องจากโควตาสิทธิ์หมดในวันเดียว ทั้งนี้ ประชาชนจึงขอให้ภาครัฐช่วยเหลือกลุ่มตกค้างที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ด้วย ในส่วนร้านค้าใหม่ในบางพื้นที่ยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ เนื่องจากรอเจ้าหน้าที่รัฐยืนยันการประกอบกิจการจริง จึงขอให้เจ้าหน้าที่รัฐช่วยดำเนินการแบบเชิงรุก เพื่อให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
  2. ประชาชนต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการที่ชัดเจน และดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจังในการปราบปรามมิจฉาชีพ ธุรกิจสีเทา สเกมเมอร์ การพนันออนไลน์ และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายลงโทษอย่างหนักต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และให้ความร่วมมือกับธุรกิจผิดกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด
  3. ถึงแม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกุล จะมีเวลาในการบริหารประเทศประมาณ 4 เดือน แต่ประชาชนมีความคาดหวังว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย ที่มีสโลแกนว่า “พูดแล้วทำ” จะเร่งดำเนินนโยบายตามที่ได้แถลงไว้ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด อาทิ มาตรการพักชำระหนี้รายย่อยไม่เกินหนึ่งแสนบาท  การส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานสะอาด  เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย และการยกระดับการบริหารภาครัฐให้ทันสมัย เป็นต้น
  4. ประชาชนต้องการให้รัฐบาลปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงานเ เพื่อให้ราคาพลังงาน (ค่าไฟฟ้า  ค่าน้ำมัน และค่าแก๊ส)  มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรายได้ของประชาชน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนอย่างยั่งยืน

                ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 38.60 และ 32.40 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 35.60 และ36.80 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น  คิดเป็นร้อยละ
34.70, 34.20 และ 32.50 ตามลำดับ

Facebook Comments Box


Spread the love

Written by 

Related posts

Leave a Comment

Verified by ExactMetrics