ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมกราคม 2568

Spread the love

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมกราคม 2568

                  ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ  สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง

              ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมกราคม 2568 เปรียบเทียบเดือนธันวาคม 2567  และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

 

                           รายการ

            ธันวาคม 2567             มกราคม 2568   คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า
เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/ เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/ เพิ่มขึ้น/ คงที่/ ลดลง/
ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม 28.20 43.50 28.30 28.40 43.80 27.80 34.70 51.70 13.60
2. รายได้จากการทำงาน 26.30 43.70 30.00 26.40 43.80 29.80 32.80 54.10 13.10
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็น

ในครอบครัว

32.50 45.80 21.70 32.60 45.70 21.70 39.70 45.10 15.20
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง

ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ

28.90 44.70 26.40 29.20 44.80 26.00 38.60 47.50 13.90
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 27.70 44.80 27.50 27.90 44.70 27.40 32.40 50.10 17.50
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 27.80 45.40 26.80 27.90 45.60 26.50 26.30 49.80 23.90
7. การออมเงิน 25.50 43.40 31.10 25.50 43.40 31.10 29.40 50.30 20.30
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 25.30 43.20 31.50 25.30 43.20 31.50 32.80 53.70 13.50
9. การลดลงของหนี้สิน 24.50 42.50 33.00 24.40 33.70 41.90 36.80 48.60 14.60
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 26.10 45.20 28.70 26.50 44.00 29.50 32.10 46.50 21.40
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 24.20 43.00 32.80 24.10 43.10 32.80 33.80 48.80 17.40
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด

ชายแดนภาคใต้

26.20 43.00 30.80 26.00 42.80 31.20 35.60 51.30 13.10
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 26.60 43.40 30.00 26.80 44.60 28.60 32.80 35.70 31.50

             ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม 2567 และมกราคม 2568

รายการ 2567 2568
พฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม 47.40 47.40 47.80
2. รายได้จากการทำงาน 42.80 43.60 43.90
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว 59.30 61.10 61.40
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ 48.00 49.90 50.10
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต 49.20 49.50 49.70
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) 42.10 42.70 42.80
7. การออมเงิน 40.50 40.30 40.30
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ 38.40 38.20 38.20
9. การลดลงของหนี้สิน 45.20 45.10 45.30
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 43.70 43.50 43.40
11. การแก้ปัญหายาเสพติด 37.90 37.80 37.60
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 34.20 34.20 34.10
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 40.10 40.10 40.20
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม 43.70 44.10 44.30

 

                ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนมกราคม 2568 (44.30) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2567 (44.10) และเดือนพฤศจิกายน 2567 (43.70) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่  ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม  รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว  รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การลดลงของหนี้สิน  และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ เนื่องจากเดือนมกราคมเป็นช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะมาตรการยกเว้นวีซา (Visa Free) ที่ขยายครอบคลุมกว่า 90 ประเทศ ประกอบกับการขยายเส้นทางการบิน และการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากนี้ ช่วงปลายเดือนมกราคมปีนี้ตรงกับวันตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติ ไหว้บรรพบุรุษ และเฉลิมฉลองปีใหม่จีน โดยมีการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อเสื้อผ้าสีสดใสเพื่อใส่ในช่วงวันตรุษจีน และซื้ออาหารคาว หวาน ผลไม้ เพื่อนำมามาไหว้บรรพบุรุษ มีการรับประทานอาหารร่วมกันของเครือญาติและคนในครอบครัว อีกทั้งมีการพาครอบครัวไปท่องเที่ยว จึงทำให้ช่วงวันตรุษจีนปีนี้มีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจจำนวนมาก  รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ในโครงการ Easy e-Receipt 2.0 ซึ่งเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีประจำปี 2568  ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท  และเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังเริ่มโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เสมือนเป็นการได้รับ “อั่งเปา” ของผู้สูงอายุในช่วงวันตรุษจีน ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุดังกล่าวมีเงินในการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้มีเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

              แม้ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนใน 2 เดือนที่ผ่านจะมีการปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงก่อนโควิด19 ระบาด ในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 75.5 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลที่อาสาเข้ามาบริหารประเทศต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ทั้งนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในการกระตุ้นและแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเร่งแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง  การช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ถูกเลิกจ้าง การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์ รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดซึ่งมีจำนวนมากขึ้นและมีราคาถูก ทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย โดยมีการซื้อขายและเสพในสถานศึกษา โดยมิได้เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งนี้ รัฐบาลควรนำปัญหาสำคัญต่าง ๆ มาเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีแผนและมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการลงโทษอย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย เพราะประชาชนมองว่า ธุรกิจสีเทาที่มีอยู่ในทุกวันนี้และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าไปให้การช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสีเทาเหล่านี้ หากรัฐบาลคิดจะแก้ปัญหาอย่างจริงจังโดยการปราบธุรกิจสีเทาให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย รัฐบาลจะต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การช่วยเหลือธุรกิจสีเทาให้หมดสิ้นไปพร้อมกัน

จากการสัมภาษณ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและต้องการเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีดังนี้

  1. ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนหนึ่งต้องปิดกิจการ และกิจการบางแห่งก็ต้องปลดพนักงาน เนื่องจากยอดขายลดลงมาก ทั้งนี้เพราะสินค้าประเภทเดียวกันที่นำเข้าจากจีน และราคาขายต่ำกว่ามีการจำหน่ายในประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์การแข่งขันด้านราคารุนแรงมาก จึงเสนอแนะให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในประเทศให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างประเทศได้
  2. ประชาชนได้ติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในหลายพื้นที่ของภาคใต้ พบว่า มีการแข่งขันในการหาเสียงอย่างเข้มข้น โดยมีการซื้อเสียงของระบบการเมืองแบบเดิมเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีเงินสะพัดในแต่ละพื้นที่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงเสนอแนะให้คณะกรรมการการเลือก (กกต.) ตรวจสอบอย่างจริงจังกับผู้สมัครที่ซื้อเสียง เพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญากับผู้สมัคร หัวคะแนน และผู้ที่เกี่ยวข้อง
  3. ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” เป็นโครงการที่ดี เพราะทำให้คนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ทั้งนี้ ประชาชนเสนอว่า รัฐบาลควรกระจายโครงการบ้านเพื่อคนไทยไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่มุ่งทำโครงการเฉพาะในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร
  4. จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย พบว่า ประชาชนกว่า 70% ไม่เห็นด้วยกับการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย และประชาชนกว่า 80% ไม่เห็นด้วยกับการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย โดยประชาชนที่ไม่เห็นด้วยมองว่า รายได้ที่ภาครัฐได้จากคาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมายไม่คุ้มกับปัญหาทางด้านสังคมอีกมากมายที่อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
  5. จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคใต้จำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาท จึงวอนให้ภาครัฐเร่งรัดขั้นตอนการเบิกจ่ายเงิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้ดำรงชีวิตต่อไป

                ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.70 และ 32.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 39.70 และ 38.60 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น  คิดเป็นร้อยละ 32.40, 35.60 และ 32.80 ตามลำดับ

Facebook Comments Box


Spread the love

Written by 

Related posts

Leave a Comment

Verified by ExactMetrics