ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2567
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนตุลาคม 2567 เปรียบเทียบเดือนกันยายน 2567 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการ | กันยายน 2567 | ตุลาคม 2567 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 28.50 | 44.00 | 27.50 | 28.40 | 43.80 | 27.80 | 36.80 | 49.20 | 14.00 |
2. รายได้จากการทำงาน | 26.70 | 44.20 | 29.10 | 26.40 | 44.00 | 29.60 | 34.20 | 57.20 | 8.60 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 32.40 | 46.50 | 21.10 | 32.70 | 46.80 | 20.50 | 30.10 | 54.60 | 15.30 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 28.90 | 44.50 | 26.60 | 29.60 | 44.70 | 25.70 | 30.40 | 48.90 | 20.70 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.30 | 45.30 | 27.40 | 27.80 | 45.80 | 26.40 | 30.30 | 48.60 | 21.10 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 28.00 | 44.60 | 27.40 | 27.80 | 45.20 | 27.00 | 34.60 | 45.20 | 20.20 |
7. การออมเงิน | 26.00 | 44.50 | 29.50 | 25.50 | 43.80 | 30.70 | 36.10 | 52.00 | 11.90 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 26.80 | 44.30 | 28.90 | 25.20 | 44.10 | 30.70 | 35.80 | 52.10 | 12.10 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 26.10 | 45.20 | 28.70 | 25.60 | 45.10 | 29.30 | 30.60 | 52.40 | 17.00 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.20 | 45.80 | 28.00 | 26.00 | 45.40 | 28.60 | 32.20 | 47.50 | 20.30 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 24.10 | 45.10 | 30.80 | 24.50 | 43.70 | 31.80 | 34.50 | 51.30 | 14.20 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 26.20 | 44.20 | 29.60 | 26.10 | 43.50 | 30.40 | 31.30 | 45.70 | 23.00 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 27.10 | 44.10 | 28.80 | 27.00 | 43.40 | 29.60 | 30.40 | 47.60 | 22.00 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือน สิงหาคม กันยายน และตุลาคม 2567
รายการ | 2567 | ||
สิงหาคม | กันยายน | ตุลาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 48.20 | 47.80 | 47.50* |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.30 | 43.10 | 43.00* |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 60.60 | 60.80 | 60.90 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 48.10 | 47.40 | 48.20 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 49.40 | 49.30 | 49.30 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 42.80 | 42.50 | 42.40* |
7. การออมเงิน | 40.70 | 40.60 | 40.50* |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 38.60 | 38.60 | 38.50* |
9. การลดลงของหนี้สิน | 45.90 | 45.70 | 45.40* |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 43.70 | 43.70 | 43.60* |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 38.30 | 38.20 | 38.10* |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 34.60 | 34.50 | 34.40* |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 40.40 | 40.30 | 40.20* |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 44.20 | 44.00 | 43.90 |
* หมายถึง ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่ลดลง
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนตุลาคม (43.90) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน (44.00) และเดือนสิงหาคม (44.20) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หนี้สินครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูง และรายได้ของประชาชนโดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อน้อย ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อย แม้ว่ารัฐบาลได้แจกเงินสด 10,000 บาทแก่กลุ่มเปราะบางที่ดำเนินการไปเมื่อปลายเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศได้เพียงระยะสั้น และแทบไม่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม นอกจากนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งที่เป็นนักลงทุนมองว่า สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีความแน่นอน ทำให้ต้องชะลอการลงทุนไว้ก่อน
จากการที่รัฐบาลจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศในช่วงเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ อาจทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกำไรน้อยย่อมได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ ทั้งนี้เพราะกิจการส่วนหนึ่งได้มีการจ่ายค่าแรงตามระดับความสามารถ หากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ลูกจ้างกลุ่มที่เคยได้รับค่าแรงต่ำที่สุด ก็จะมีค่าแรงขึ้นมาใกล้เคียงลูกจ้างกลุ่มตรงกลาง ดังนั้น ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับค่าจ้างของลูกจ้างกลุ่มตรงกลางให้สูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าแรงงานของกิจการสูงขึ้นมาก และเพื่อให้กิจการดำรงอยู่ได้ ผู้ประกอบการอาจจะต้องลดจำนวนคนงานลง เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กระทบต่อกิจการขนาดเล็กที่อาจจะต้องปิดกิจการ และทำให้ประชาชนที่เป็นแรงงานส่วนหนึ่งต้องตกงาน จากนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลจึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เพราะมิฉะนั้นอาจเป็นการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่ก็ไปสร้างปัญหาใหม่อีกอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ หากต้นเหตุของปัญหาค่าจ้างต่ำ คือ แรงงานไทยส่วนใหญ่เป็นแรงงานระดับพื้นฐานที่มีผลิตภาพไม่สูงนัก และค่าจ้างที่ได้รับก็สะท้อนผลิตภาพของแรงงาน ดังนั้น รัฐบาลควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ การเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน โดยการพัฒนาศักยภาพของแรงงานที่อยู่ในระดับพื้นฐาน ให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ ทั้งนี้ การจ่ายค่าจ้างควรปรับตามความสามารถของแรงงานและผลิตภาพที่แรงงานทำได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝั่งลูกจ้างและนายจ้าง
จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ทำให้ต้องหารายได้เสริม จึงมีประชาชนจำนวนมากสนใจทำธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย (Multi-Level Marketing : MLM) ซึ่งมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ประสบความสำเร็จ และขาดทุนจากการทำธุรกิจดังกล่าว โดยธุรกิจเครือข่ายที่เป็นกระแสอยู่ขณะนี้ คือ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ทั้งนี้ พบว่า มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถขายสินค้าและหาตัวแทนขายได้ จึงทำให้ต้องสูญเสียเงินจากการเข้ามาทำธุรกิจกับ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ซึ่งผู้เสียหายเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ถนัดในการขายและหาตัวแทนขาย แต่ที่เข้ามาทำเพราะถูกชักชวน โน้มน้าว และจูงใจให้หลงเชื่อว่า “ทำได้ง่าย ทำได้แน่นอน” จึงทำให้ผู้เสียหายส่วนหนึ่งยอมกู้เงินทั้งในระบบและนอกระบบ รวมถึงจำนำ และจำนองทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยคาดหวังว่าเมื่อได้รับผลตอบแทนจากธุรกิจแล้วจะนำมาใช้คืน แต่เมื่อได้เข้ามาทำธุรกิจ ก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถทำได้ และต้องเสียเงินที่ลงทุนไปทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการเรียกร้องความเสียหายจาก “ดิไอคอน กรุ๊ป” ทั้งนี้ พบว่า ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจประเภทนี้ และคิดว่าตนเองเป็นผู้เสียหายจากธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย (MLM) ยังมีในบริษัทอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า จากการที่มีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ได้เรียกร้องเพื่อให้ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ชดเชยค่าเสียหายนั้น จนถึงบัดนี้ ผู้เสียหายที่แท้จริงยังไม่ได้รับการชดเชยค่าเสียหายเลย โดยมองว่า ที่ผ่านมาเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และเป็นการพิจารณาตามกระแสสังคม โดยยังไม่มีการคัดกรองและตรวจสอบหาผู้เสียหายที่แท้จริง ทั้งนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำการประชุม หาแนวทางการช่วยเหลือโดยการชดเชยค่าเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเสียหายจริง ๆ โดยในการจัดตั้งคณะทำงานประกอบด้วย 1) ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. 2) ตัวแทนจากสมาคมขายตรงไทย 3) ตัวแทนของ “ดิไอคอน กรุ๊ป” 4) นักวิชาการทางด้านการตลาดที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงแบบเครือข่ายเป็นอย่างดี 5) ตัวแทนของดีเอสไอ 6) ตัวแทนจากสภาทนายความ 7) ตัวแทนซึ่งเป็นผู้เสียหายจริง ๆ และ 8) ตัวแทนจากภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
จากการสัมภาษณ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและต้องการในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีดังนี้
- ประชาชนส่วนหนึ่งคาดหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น จากการบริหารงานของคณะรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เนื่องจากเป็นลูกของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยมีผลงานทางด้านเศรษฐกิจไว้มากมาย แต่ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนกลับไม่เห็นมาตรการขับเคลื่อนใด ๆ ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเลย นอกจากแจกเงิน 10,000 บาทแก่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นผลงานต่อเนื่องจากรัฐบาลของนายกเศรษฐา ทวีสิน ทั้งนี้ ประชาชนจึงขอให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้นำรัฐบาล ให้ทำงานแบบเชิงรุก และกระตุ้นคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นางสาวแพทองธารแต่งตั้งให้รีบเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยประชาชนส่วนหนึ่งยังเฝ้ารอ และให้โอกาสนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการสร้างผลงาน แต่ก็ไม่ควรใช้เวลานานจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงไปกว่านี้
- ประชาชนมองว่า ราคาพลังงานที่สูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ประชาชนจึงต้องการให้ภาครัฐเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขยายระยะเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
- จากการที่เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ กำลังซื้อของประชาชนลดลง ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวในประเทศน้อยลงตามไปด้วย ทั้งนี้ ประชาชนมีความคิดเห็นว่า ภาครัฐควรเพิ่มมาตรการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทยไปพร้อม ๆ กัน มิใช่กระตุ้นการท่องเที่ยวเฉพาะภาคเหนือ เช่น โครงการ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ทั้งนี้ ประชาชนในภาคใต้ก็รอโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในภาคใต้เช่นเดียวกัน
- ประชาชนจำนวนไม่น้อยขาดทุนจากการซื้อสินค้าจากธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย (MLM) ซึ่งส่วนใหญ่ขายสินค้าและแนะนำตัวแทนขายไม่ได้ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกกฎหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย (MLM) โดยให้ผู้ที่สมัครเป็นตัวแทนขายที่ได้จ่ายเงินในการซื้อสินค้าไปแล้ว หากขายสินค้าไม่ได้ ให้ตัวแทนขายสามารถคืนสินค้าได้ภายใน 2 สัปดาห์ และให้บริษัทคืนเงินให้เท่ากับจำนวนสินค้าที่คืน ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย (MLM) มีจำนวนลดลงไปอย่างมาก
- ประชาชนที่ทำธุรกิจจำนวนไม่น้อยได้รับความเดือดร้อนจากการรีดทรัพย์จากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐบางคน นักร้องเรียนบางคน คนสนิทของนักการเมืองบางคน ทนายบางคน ตัวแทนของมูลนิธิและชมรมบางคน รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์บางคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ส่วนหนึ่งแฝงตัวเป็นผู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือประชาชน แต่เบื้องหลังมีผลประโยชน์แอบแฝง โดยจะทำการข่มขู่เจ้าของธุรกิจ และปั่นกระแสกับรายการดัง และพยายามทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก เพื่อให้เป็นข่าวดัง และจะได้เรียกรับเงินจำนวนมาก โดยแอบอ้างว่าจะนำไปให้แก่ผู้เสียหาย ทั้งนี้ ประชาชนจึงเสนอให้ภาครัฐควรมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการทำความผิดในกรณีดังกล่าว อีกทั้ง ควรออกกฎหมายเพื่อกำหนดโทษให้หนัก เพื่อให้การรีดทรัพย์หมดไปหรือลดน้อยลง
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 36.80 และ 34.20 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 30.10 และ 30.40 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 30.30, 31.30 และ 30.40 ตามลำดับ