ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2567
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2567 เปรียบเทียบเดือนมิถุนายน 2567 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการ | มิถุนายน 2567 | กรกฎาคม 2567 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 29.20 | 45.80 | 25.00 | 29.00 | 44.20 | 26.80 | 35.60 | 49.90 | 14.50 |
2. รายได้จากการทำงาน | 27.30 | 45.10 | 27.60 | 27.10 | 44.80 | 28.10 | 35.30 | 49.10 | 15.60 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 32.40 | 46.80 | 20.80 | 32.20 | 46.30 | 21.50 | 36.80 | 50.20 | 13.00 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 29.10 | 45.60 | 25.30 | 29.20 | 45.00 | 25.80 | 34.70 | 45.20 | 20.10 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.50 | 46.20 | 26.30 | 27.30 | 46.00 | 26.70 | 30.50 | 45.80 | 23.70 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 28.00 | 46.30 | 25.70 | 28.20 | 45.60 | 26.20 | 32.60 | 45.80 | 21.60 |
7. การออมเงิน | 26.80 | 46.00 | 27.20 | 26.50 | 46.10 | 27.40 | 33.30 | 45.50 | 21.20 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 27.40 | 45.00 | 27.60 | 27.10 | 45.10 | 27.80 | 34.70 | 47.30 | 18.00 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 26.70 | 45.80 | 27.50 | 26.50 | 45.60 | 27.90 | 32.80 | 54.10 | 13.10 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 26.50 | 45.30 | 28.20 | 26.40 | 46.20 | 27.40 | 39.70 | 45.10 | 15.20 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 24.50 | 45.10 | 30.40 | 24.60 | 45.50 | 29.90 | 34.70 | 51.70 | 13.60 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 26.50 | 45.40 | 28.10 | 26.30 | 45.30 | 28.40 | 32.80 | 54.10 | 13.10 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 27.60 | 45.70 | 26.70 | 27.50 | 45.50 | 27.00 | 39.70 | 45.10 | 15.20 |
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม 2567
รายการ | 2567 | ||
พฤษภาคม | มิถุนายน | กรกฎาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 49.40 | 49.10 | 48.60 |
2. รายได้จากการทำงาน | 43.90 | 43.80 | 43.50 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 60.70 | 60.80 | 60.60 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 49.50 | 49.20 | 48.70 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.30 | 50.10 | 50.00 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 43.30 | 43.20 | 43.10 |
7. การออมเงิน | 41.10 | 41.10 | 41.00 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.00 | 38.90 | 38.80 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 47.20 | 46.60 | 46.10 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 43.80 | 43.80 | 43.90 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 38.60 | 38.40 | 38.70 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.00 | 35.00 | 34.80 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 41.10 | 40.70 | 40.50 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 44.90 | 44.60 | 44.40 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกรกฎาคม (44.40) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน (44.60) และเดือนพฤษภาคม (44.90) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ตกต่ำ
จากดัชนีความเชื่อมั่นประชาชนที่ผ่านมา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 1 อยู่ในช่วงทรงตัว และเริ่มมีการแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม และจากผลการสำรวจ พบว่า การเติบโตของธุรกิจจะกระจุกอยู่กับกิจการขนาดใหญ่ ในส่วนกิจการขนาดเล็ก ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปประสบกับปัญหารายได้ไม่เพียงกับรายจ่าย จนทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และอาจเป็นเพราะอยู่ในช่วง Low Season แต่สาเหตุที่สำคัญ คือ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ดำเนินแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ล่าช้า โดยมุ่งเน้นและรอดำเนินการโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นหลัก จึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ อีกทั้ง ในขณะนี้ประชาชนก็ยังไม่เห็นว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะมีแผนสำรองใด ๆ ที่จะมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ในอดีตประชาชนส่วนหนึ่งมีความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย แต่ในปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก และเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่พรรคเพื่อไทยกลับยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบล่าช้า และยึดมั่นในแนวความคิดของตนเองมากเกินไปโดยไม่ฟังเสียงประชาชน โดยมุ่งเน้นที่จะดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ จนแทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ เสมือนว่า “ประเทศชาติและประชาชนจะเสียหายอย่างไรไม่ว่า แต่พรรคเพื่อไทยเสียหน้าไม่ได้” ยิ่งเวลาผ่านไป หากยังไม่เร่งแก้ปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง เดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ก็ยังอยู่ในช่วง Low Season ในขณะที่โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนธันวาคม 2567 หรืออาจจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาสที่ 1 ของปีพ.ศ. 2568 โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2567 ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเศรษฐา ควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนในการช่วยลดค่าครองชีพ และเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน จนกว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะเริ่มใช้ได้จริง
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความต้องการของประชาชน มีดังนี้
- ร้านค้าขนาดเล็กขาดทุนและปิดกิจการจำนวนมาก เนื่องจากต้นทุนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่กำลังซื้อของประชาชนมีน้อยลง และการท่องเที่ยวในประเทศก็ลดลงเช่นกัน ทั้งนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการเร่งด่วนในการช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ในลักษณะเดียวกันกับโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น
- ร้านค้าส่วนหนึ่งเสนอให้ภาครัฐทบทวนและช่วยแก้ไขเงื่อนไขเพื่อให้ร้านค้าที่ขายสินค้า สามารถเบิกเงินสดได้ทันที ซึ่งจะทำให้ร้านค้าสามารถนำเงินสดมาใช้ในการดำเนินงาน และใช้ในครอบครัว อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนลูก ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ หากร้านค้าขายสินค้าได้ แต่ไม่สามารถเบิกเงินสดได้ทันที ร้านค้าที่ไม่มีเงินทุนสำรองกล่าวว่า ก็อาจจะไม่เข้าร่วมโครงการฯ ในส่วนร้านค้าที่พอมีเงินทุนสำรองกล่าวว่า อาจจะลองเข้าร่วมโครงการฯ ในเดือนแรก แล้วค่อยพิจารณาว่าจะอยู่ต่อหรือออกจากโครงการฯ
- ประชาชนส่วนหนึ่งวอนให้ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยช่วยพิจารณาปรับเปลี่ยน แก้ไขการใช้เงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เงินได้อย่างคล่องตัวและสามารถจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่จำเป็นและต้องการได้มากขึ้น โดยต้องการให้ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยช่วยปลดล็อคให้ประชาชนสามารถใช้เงินดิจิทัล วอลเล็ตได้ทั่วประเทศไทย และสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสารได้
- 4. ความกังวลของประชาชนต่อผลการพิจารณาถอดถอนนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 14 ส.ค. ว่า จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากนายเศรษฐาถูกให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครจะมาเป็นนายกคนต่อไป และจะมีผลต่อนโยบายภาครัฐอย่างไร โดยเฉพาะโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจะต้องยกเลิกหรือไม่
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 35.60 และ 35.30 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 36.80 และ 34.70 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความ
ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 30.50, 32.80 และ 39.70 ตามลำดับ