ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมิถุนายน 2565
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมิถุนายน เปรียบเทียบ
เดือนพฤษภาคม และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | พฤษภาคม 2565 | มิถุนายน 2565 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 25.60 | 45.70 | 28.70 | 25.30 | 45.20 | 29.50 | 39.70 | 45.10 | 15.20 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 25.90 | 44.70 | 29.40 | 25.10 | 47.10 | 27.80 | 34.70 | 51.70 | 13.60 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 26.80 | 44.50 | 28.70 | 26.90 | 46.30 | 26.30 | 32.80 | 54.10 | 13.10 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 34.10 | 44.60 | 21.30 | 33.60 | 44.70 | 21.70 | 35.60 | 51.30 | 13.10 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 26.80 | 47.80 | 25.40 | 26.30 | 46.80 | 26.90 | 33.80 | 48.80 | 17.40 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 26.70 | 46.20 | 27.10 | 26.40 | 45.70 | 27.90 | 31.70 | 47.50 | 20.80 | ||
7. การออมเงิน | 25.60 | 48.50 | 25.90 | 25.10 | 48.30 | 26.60 | 32.80 | 53.70 | 13.50 | ||
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 31.50 | 45.20 | 23.30 | 30.50 | 44.80 | 24.70 | 38.60 | 47.50 | 13.90 | ||
9. การลดลงของหนี้สิน | 29.70 | 49.70 | 20.60 | 29.30 | 48.70 | 22.00 | 32.40 | 50.10 | 17.50 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 25.30 | 44.90 | 29.80 | 25.80 | 45.60 | 28.60 | 39.60 | 49.80 | 10.60 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 27.70 | 44.70 | 27.60 | 27.60 | 43.80 | 28.60 | 32.80 | 35.70 | 31.50 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.30 | 46.70 | 26.00 | 27.70 | 44.90 | 27.40 | 36.80 | 48.60 | 14.60 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 30.20 | 46.10 | 23.70 | 29.30 | 44.70 | 26.00 | 32.10 | 46.50 | 21.40 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน 2565
รายการข้อคำถาม | 2565 | ||
เมษายน | พฤษภาคม | มิถุนายน | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 43.50 | 43.70 | 43.40 |
2. รายได้จากการทำงาน | 40.10 | 40.20 | 39.90 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 52.80 | 53.10 | 53.80 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 43.20 | 43.10 | 40.30 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 47.30 | 48.60 | 48.20 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 40.90 | 41.00 | 40.50 |
7. การออมเงิน | 39.10 | 39.40 | 39.00 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 41.50 | 41.40 | 40.20 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 48.80 | 48.70 | 48.60 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 36.40 | 38.90 | 39.10 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 46.80 | 46.70 | 45.40 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 37.10 | 37.80 | 37.00 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 32.20 | 32.10 | 32.00 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 41.30 | 41.60 | 41.10 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนมิถุนายน 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนมิถุนายน 2565 (41.10) ปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2565 (41.60) และเดือนเมษายน (41.30) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตในภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นกว่าการเติบโตของรายได้ โดยการรัดเข็มขัด ลดการบริโภค การเปลี่ยนไปซื้อของที่ถูกลง และชะลอการตัดสินใจซื้อ ซึ่งคาดว่าค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้อีกนาน หากไม่มีมาตรการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และภาครัฐได้มีมาตรการผ่อนคลายจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น แต่จากปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการจำนวนมากเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศโดยภาพรวมไม่ดีขึ้นตามที่คาดหวังไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เป็นช่วงที่ประชาชนได้ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แต่ปริมาณการซื้อกลับลดลง เนื่องจากราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนฐานราก ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยประชาชนกลุ่มนี้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เมื่อประสบปัญหาของแพงจึงไม่ได้ส่งผลเพียงต้องรัดเข็มขัดเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงการนำเงินเก็บสะสมออกมาใช้ชดเชยส่วนที่ขาด นอกจากนี้ ยังมีประชาชนเปราะบางอีกจำนวนมากที่ไม่มีเงินเก็บเพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางออกของคนกลุ่มนี้ คือ การกู้เงินนอกระบบ ซึ่งเป็นการก่อหนี้ครัวเรือนให้พอกพูนสูงขึ้น อีกทั้ง มาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐในปัจจุบันได้ทยอยสิ้นสุดลง ทั้งโครงการคนละครึ่งระยะที่สี่ รวมถึงสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร และเริ่มปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันได ตลอดจนมาตรการบรรเทาค่าครองชีพอื่น ๆ
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการแก้ไข และความคิดเห็นต่อมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ มีดังนี้
- จากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตอกย้ำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ทำให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาสินค้าและบริการให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงเสนอแนะให้ภาครัฐหามาตรการลดราคาพลังงานในประเทศ อาทิ ปรับลดราคาค่ากลั่นน้ำมัน ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันโดยไม่อ้างอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ และออกมาตรการควบคุมราคาเชื้อเพลิงในประเทศ รวมถึงการหาพลังงานทดแทน
- ประชาชนประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย อีกทั้ง จากสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ภาครัฐไม่เพียงแค่ควบคุมราคาสินค้าและบริการ แต่ควรมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนในช่วงนี้ อาทิ โครงการคนละครึ่ง เป็นต้น
- ภายหลังผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ประชาชนที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ และร้านค้า จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการฟื้นตัวของกิจการ จึงมีความต้องการเงินสนับสนุนจากภาครัฐในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
- ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ราคาปุ๋ยเคมี ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง อีกทั้ง ความเสี่ยงของราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน และสภาพภูมิอากาศแปรปรวนทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ ทั้งนี้ ภาครัฐควรหามาตรการลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร อีกทั้ง ภาครัฐควรจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในประเทศให้กับเกษตรกร เพื่อทดแทนการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศ
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 39.70 และ34.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 32.80 และ 35.60 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 33.80
36.80 และ 32.10 ตามลำดับ
ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุด คือ ราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 57.30 รองลงมา คือ ภาระหนี้สินของประชาชน คิดเป็น ร้อยละ 21.60 รายได้ที่ลดลง และการแพร่ระบาดของโควิด-19 คิดเป็นร้อยละ 10.20 และ 6.10 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรรีบดำเนินการและให้ความช่วยเหลือ อันดับแรก คือ การแก้ปัญหาราคาสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รองลงมา คือ การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชน และการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตามลำดับ