ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2566
ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในภาคใต้ เก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนกรกฎาคม 2566 เปรียบเทียบเดือนมิถุนายน 2566 และคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รายการข้อคำถาม | มิถุนายน 2566 | กรกฎาคม 2566 | คาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า | ||||||||
เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | เพิ่มขึ้น/ | คงที่/ | ลดลง/ | |||
ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | ดีขึ้น | เท่าเดิม | แย่ลง | |||
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 29.10 | 47.60 | 23.30 | 28.60 | 47.30 | 24.10 | 34.30 | 45.60 | 20.10 | ||
2. รายได้จากการทำงาน | 28.40 | 48.10 | 23.50 | 28.10 | 47.60 | 24.30 | 35.60 | 45.80 | 18.60 | ||
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 29.20 | 48.00 | 22.80 | 29.70 | 48.20 | 22.10 | 30.50 | 43.80 | 25.70 | ||
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 28.20 | 45.00 | 26.80 | 28.30 | 44.20 | 27.50 | 36.10 | 52.00 | 11.90 | ||
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 27.50 | 47.40 | 25.10 | 27.10 | 48.40 | 24.40 | 35.80 | 52.10 | 12.10 | ||
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 25.70 | 47.90 | 26.40 | 25.40 | 47.40 | 27.40 | 30.60 | 52.40 | 17.00 | ||
7. การออมเงิน | 26.10 | 48.60 | 25.30 | 26.20 | 47.30 | 26.50 | 32.20 | 47.50 | 20.30 | ||
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 28.10 | 46.40 | 25.50 | 27.90 | 46.10 | 26.00 | 34.50 | 51.30 | 14.20 | ||
9. การลดลงของหนี้สิน | 28.20 | 47.50 | 24.30 | 28.10 | 47.00 | 24.90 | 30.80 | 46.40 | 22.80 | ||
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 27.20 | 48.80 | 23.80 | 26.80 | 47.50 | 25.70 | 30.40 | 48.90 | 20.70 | ||
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 26.20 | 45.60 | 28.20 | 26.10 | 44.60 | 29.30 | 30.30 | 48.60 | 21.10 | ||
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 27.40 | 45.20 | 27.40 | 27.20 | 45.90 | 26.90 | 34.60 | 45.20 | 20.20 | ||
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 28.60 | 48.20 | 23.20 | 28.40 | 48.10 | 23.50 | 34.30 | 45.60 | 20.10 | ||
ความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ด้านเศรษฐกิจและสังคม เดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม 2566
รายการข้อคำถาม | 2566 | ||
พฤษภาคม | มิถุนายน | กรกฎาคม | |
1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม | 49.70 | 49.10 | 48.60 |
2. รายได้จากการทำงาน | 45.60 | 43.90 | 43.50 |
3. รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว | 58.70 | 58.50 | 58.80 |
4. รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น การเดินทาง ที่พัก อาหาร และอื่น ๆ | 49.70 | 49.20 | 48.40 |
5. ความสุขในการดำเนินชีวิต | 50.90 | 50.30 | 50.10 |
6. ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) | 43.20 | 42.80 | 42.70 |
7. การออมเงิน | 41.40 | 41.10 | 41.00 |
8. การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ | 39.50 | 39.30 | 39.20 |
9. การลดลงของหนี้สิน | 48.10 | 48.00 | 47.80 |
10. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน | 44.50 | 44.10 | 44.10 |
11. การแก้ปัญหายาเสพติด | 40.30 | 40.00 | 39.80 |
12. การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | 35.10 | 35.30 | 35.70 |
13. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ | 36.50 | 36.20 | 36.10 |
14. ความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวม | 46.40 | 45.10 | 44.70 |
ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนกรกฎาคม (44.70) ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน (45.10) และเดือนพฤษภาคม (46.40) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน การแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาหนี้สินสะสมของภาคครัวเรือนและธุรกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายเงินที่เพิ่มขึ้นในการฟื้นฟูธุรกิจหลังจากโควิด-19 นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการจึงไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม และขาดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมีน้อย ทำให้ประชาชนมีรายได้น้อยไม่เพียงพอกับภาระหนี้สินที่มีอยู่ อีกทั้งค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งรายได้เท่าเดิมหรือลดลง จึงเพิ่มความเสี่ยงให้ประชาชนกลุ่มนี้อาจจะต้องก่อหนี้สินเพิ่มขึ้น เพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน
ประชาชนมองว่าสถานการณ์การเมืองช่วงนี้มีความไม่แน่นอนมาก โดยมองว่า นักการเมืองในปัจจุบันแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายก็มีความต้องการผลประโยชน์ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถแบ่งปันผลประโยชน์ได้อย่างลงตัว โดยมีนักการเมืองส่วนหนึ่งจ้องแต่จะกอบโกยผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและ พรรคพวก มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน และมักใช้ประชาชนเป็นข้ออ้าง ซึ่งประชาชนในยุคปัจจุบันนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้รู้ไส้รู้พุงของนักการเมืองเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างรวดเร็ว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และช่วยเหลือปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งเป็นวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ถึงแม้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความล่าช้ามาก แต่ประชาชนคาดหวังว่าประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2566 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567 และทำให้ภาคธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศรู้ทิศทางนโยบายในการพัฒนาประเทศ เกิดความเชื่อมั่น และกล้าตัดสินใจในการลงทุน โดยรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศควรเร่งดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดราคาพลังงาน การเพิ่มสวัสดิการแบบครบวงจร การลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เป็นต้น
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของประชาชน มีดังนี้
- ประชาชนมีความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ล่าช้า เพราะส่งผลให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทำให้ต้องชะลอการลงทุน รวมถึงผู้บริโภคก็ชะลอการใช้จ่ายเช่นกัน ทั้งนี้ ประชาชนยังเฝ้ารอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ โดยคาดหวังให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และขอให้จัดตั้งได้อย่างรวดเร็ว
- ประชาชนมีความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วทางการเมือง ซึ่งหากไม่เป็นไปตามที่ประชาชนส่วนหนึ่งคาดหวังไว้ อาจทำให้เกิดมวลชนที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลทำการประท้วง ลงถนน เพื่อแสดงออก และอาจมีมวลชนบางกลุ่มใช้ความรุนแรงจนเกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
- ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางจำนวนมากยังมีปัญหาหนี้สิน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตลอดจนยังเกิดหนี้ใหม่ในช่วงนี้ จนกลายเป็นภาระหนี้สินครัวเรือนสะสม ทั้งนี้ ประชาชนต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยการกำหนดเป็นนโยบายช่วยเหลือปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดปัญหาหนี้สินเรื้อรังของครัวเรือนแบบยั่งยืน
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 34.30 และ 35.60 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 30.50และ 36.10 ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 35.80 34.60 และ 34.30 ตามลำดับ
สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1) การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ 2) การช่วยลดค่าไฟฟ้าและพลังงาน 3) การเพิ่มบำนาญผู้สูงอายุ 4) การเพิ่มสวัสดิการประชาชน และ 5) การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย